กาลครั้งหนึ่งในป่าอันเป็น ที่อยู่ของบรรดาสรรพสัตว์ ได้มีพรานป่าผู้ขมังธนูคนหนึ่งเข้ามาล่าสัตว์
ทำให้สัตว์ทั้งหลายพากันเตลิดหนีไปด้วยความตกใจกลัว ยกเว้นพญาราชสีห์ผู้เป็นเจ้าป่าตัวเดียวเท่านั้นที่ใจกล้า
ไม่ยอมหนี ทำท่าจะกระโจนเข้าต่อสู้กับนายพราน
"ช้าก่อน" นายพรานร้องห้าม "ข้าจะส่งทูตไปเจรจากับเจ้า"
นายพรานยิงลูกศรไปถูกชาย โครงของราชสีห์ ผู้เป็นเจ้าป่ารู้สึกเจ็บปวดส่งเสียงร้องโหยหวนแล้ววิ่งเตลิดเข้าไปในดงไม้ ทึบ เมื่อหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งเห็นเจ้าป่าวิ่งเตลิดหนีมาจึงรีบเข้าไปสอบถาม
"ข้าเห็นท่านกำลังจะต่อสู้กับนายพรานไม่ใช่หรือ แล้วเหตุไฉนจึงหนีมา ทำไมไม่ขับไล่ศัตรูของพวกเราออกไปจากป่า"
"เจ้าอย่ามายุซะให้ยากเลย" ราชสีห์ตอบด้วยความครั่นคร้าม "แค่ทูตของมันยังทำให้ข้าต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ แล้วผู้เป็นเจ้านายของทูตจะมีฤทธิ์ขนาดไหน"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....
ผู้โง่เขลาย่อมไม่สามารถพิจารณาแยกแยะว่าสิ่งใดคือเรื่องจริง และสิ่งใดคือกลลวง
"ช้าก่อน" นายพรานร้องห้าม "ข้าจะส่งทูตไปเจรจากับเจ้า"
นายพรานยิงลูกศรไปถูกชาย โครงของราชสีห์ ผู้เป็นเจ้าป่ารู้สึกเจ็บปวดส่งเสียงร้องโหยหวนแล้ววิ่งเตลิดเข้าไปในดงไม้ ทึบ เมื่อหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งเห็นเจ้าป่าวิ่งเตลิดหนีมาจึงรีบเข้าไปสอบถาม
"ข้าเห็นท่านกำลังจะต่อสู้กับนายพรานไม่ใช่หรือ แล้วเหตุไฉนจึงหนีมา ทำไมไม่ขับไล่ศัตรูของพวกเราออกไปจากป่า"
"เจ้าอย่ามายุซะให้ยากเลย" ราชสีห์ตอบด้วยความครั่นคร้าม "แค่ทูตของมันยังทำให้ข้าต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ แล้วผู้เป็นเจ้านายของทูตจะมีฤทธิ์ขนาดไหน"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....
ผู้โง่เขลาย่อมไม่สามารถพิจารณาแยกแยะว่าสิ่งใดคือเรื่องจริง และสิ่งใดคือกลลวง
แหล่งที่มา www.momyweb.com
No comments:
Post a Comment