Friday, November 29, 2019

มดกับตั๊กแตน



          นิทานอีสป มดกับตั๊กแตน นิทานสอนใจที่จะช่วยสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการแบ่งเวลาให้เป็น

          วิธีสอนลูกรักให้รู้จักกับการแบ่งเวลาเล่นและเวลาเรียนออกจากกันอย่างเหมาะสม นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้คุณแม่หลายคนรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยวัยที่ยังเด็กมาก หากสอนเขาไปแบบตรง ๆ คงไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรนัก แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่อย่างการเล่านิทานพร้อมแง่คิดคงช่วยสอนเด็ก ๆ ได้ดีทีเดียว อย่าง นิทานอีสป  มดกับตั๊กแตน ซึ่งให้ข้อคิดเรื่องการแบ่งเวลาแถมมีเนื้อหาสนุกสนานฟังได้แบบเพลิดเพลิน คุณแม่คนไหนอยากสอนลูก ๆ ในเรื่องการแบ่งเวลาผ่านนิทานบ้างก็ตามมาอ่าน นิทานอีสป มดกับตั๊กแตน ได้เลย 

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บริเวณทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ มีครอบครัวมดฝูงเล็กอาศัยอยู่รวมกันใต้โพรงดินขนาดกำลังพอเหมาะ ซึ่งข้าง ๆ โพรงดินนั้นคือขอนไม้เก่าที่ตั๊กแตนเจ้าสำราญใช้พักอาศัยเช่นกัน

           ในช่วงฤดูร้อนที่ผลผลิตพืชพรรณงอกงามออกรวงมากมาย สมาชิกบ้านมดทั้งหลายต่างขยันขันแข็งเก็บเกี่ยวพืชเหล่านั้นมาตุนไว้สำหรับหน้าหนาว ส่วนเจ้าตั๊กแตนกลับเอาแต่เล่นดนตรีอย่างเพลิดเพลิน และแปลกใจว่าทำไมฝูงมดต้องขยันถึงเพียงนี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นตั๊กแตนจึงแวะไปสอบถาม

          "ฝูงมดตัวน้อยเอ๋ย พวกเธอจะเร่งทำงานเก็บพืชพรรณไปทำไมกันมากมาย" ตั๊กแตนเอ่ย

          "ก็เก็บไว้กินตลอดฤดูหนาวน่ะสิ" เสียงของมดซึ่งเป็นหัวหน้าตอบกลับพลางเก็บเกี่ยวพืชพรรณไปด้วย

          "โห ! ฤดูหนาวเลยหรือ อีกนานเลยนะ เพราะนี่ก็เพิ่งจะเข้าหน้าร้อนเอง" เจ้าตั๊กแตนพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

          "ก็เราเก็บเกี่ยวตอนนี้ ฤดูหนาวจะได้มีอาหารกินอย่างอุดมสมบูรณ์แถมได้พักผ่อนแบบเต็มที่ไงล่ะ" หัวหน้ามดอธิบาย

          "แต่เที่ยวเล่นพักผ่อนในฤดูร้อนก็สนุกไปอีกแบบนะ ทำไมจะต้องรอถึงหน้าหนาวด้วย" เสียงตั๊กแตนโต้กลับ "เอาเถอะ ฉันขอกลับบ้านไปเล่นดนตรี เต้นรำ ก่อนแล้วกันนะ"
 
          ตั๊กแตนเดินกลับไปอย่างสบายใจไม่เดือดร้อน ส่วนฝูงมดก็ทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน


          เวลาผ่านไปไม่นานนัก ลมหนาวเย็นยะเยือกก็มาเยือน เป็นสัญญาณเตือนว่าเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วนั่นเอง ในขณะเดียวกันผลไม้พืชพรรณที่เคยงอกเงยต่างโรยรา จะหาอาหารมากินแทบไม่มี แต่ถึงอย่างไรฝูงมดก็ไม่เดือดร้อน เพราะพวกมันเก็บตุนของกินไว้แล้วมากมาย

          "ดีนะเนี่ยที่เราเก็บอาหารเอาไว้เยอะแยะ คราวนี้จะได้กินแบบไม่ต้องกลัวอด" มดตัวเล็กเอ่ยขึ้นมา

          "ใช่ ๆ ต้องขอบคุณพวกเราจริง ๆ ที่ขยันขันแข็งอดทนทำงานทำให้เรามีกินในวันนี้" หัวหน้ามดประกาศขอบคุณท่ามกลางความยินดีของมดทุกตัว

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก ! !... เสียงเคาะประตูหน้าโพรงมดดังขึ้น "สงสัยมีแขกมาเยี่ยมหรือเอาอาหารมาแลกเป็นแน่" มดตัวเล็กพูดแล้วเดินไปเปิดประตู

          หน้าประตูนั้นคือตั๊กแตนเจ้าสำราญผู้พักอาศัยอยู่ข้าง ๆ ที่เคยมีท่าทางสดใสร่าเริง แต่คราวนี้ ตั๊กแตนกลับยืนก้มหน้าด้วยความหิวโซ พอประตูเปิดจึงรีบเดินตรงมาหาหัวหน้ามดที่เคยสนทนาด้วยทันที
          "สวัสดีมดเอ๋ย ฉันหิวเหลือเกินไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน พอจะมีอาหารแบ่งฉันบ้างไหม" ตั๊กแตนขอร้อง

          "อะไรกัน บ้านเธอไม่มีอะไรกินเลยหรือ ช่วงฤดูร้อนผลผลิตออกจะอุดมสมบูรณ์" หัวหน้ามดถามด้วยความสงสัย
          "ฉันมัวแต่ยุ่งกับการเล่นดนตรีและเต้นรำ เลยไม่มีเวลามานั่งทำงานกักตุนอาหารไว้กินอย่างเธอ" คำแก้ตัวของตั๊กแตน

          "อะไรกัน ! นี่เธอไม่ทำงานเลยเหรอ มัวแต่เล่นดนตรีสนุกสนานเนี่ยนะ" หัวหน้ามดตวาด ด้านตั๊กแตนก็ทำหน้าเจื่อนโดยไม่มีคำตอบโต้ "ถ้าเธอไม่รู้จักแบ่งเวลาเล่นกับเวลาทำงาน ฉันก็คงปันอาหารให้เธอไม่ได้ เจ้ากลับไปเถอะ"

          พอสิ้นคำพูดของหัวหน้ามด เจ้าตั๊กแตนเลยเดินกลับบ้านไปแบบหิวโหย ส่วนฝูงมดก็พักผ่อนแบบสำราญกับอาหารที่ตุนมาจากช่วงหน้าร้อน


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          คนเราควรจะรู้จักหน้าที่ของตัวเอง เวลาไหนควรทำงาน เวลาไหนควรเล่น  หากมัวแต่เล่นไม่ยอมทำงานเลย สักวันหนึ่งชีวิตอาจเจอเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจจนหันไปพึ่งใครไม่ได้ เพราะเราไม่ยอมทำงานเพื่อหาเลี้ยงและยืนบนลำแข้งของตนนั่นเอง