Tuesday, October 29, 2013

สองตายายกับน้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์



         กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีช่างตัดไม้ชราอาศัยอยู่กับภรรยาในกระท่อมเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่ ทุก ๆ วันช่างตัดไม้จะออกไปตัดไม้ในป่า ส่วนหญิงชราก็จะนั่งทอผ้าอยู่ที่บ้าน

          อยู่มาวันหนึ่งชายชราต้องการได้ไม้เนื้อพิเศษ เขาจึงต้องเดินทางลึกเข้าไปในป่ามากกว่าปกติ เพื่อค้นหาไม้พิเศษชนิดนั้น ระหว่างทางเขาสังเกตน้ำพุเล็ก ๆ ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน น้ำนั้นทั้งใสทั้งเย็น จากการเดินทางที่ยาวนานและแสงแดดที่แผดร้อนจ้า ทำให้ช่างตัดไม้ชราก็รู้สึกกระหายเหลือเกิน เขาจึงถอดหมวกฟางบนศีรษะออก ทรุดลงนั่งข้างธารน้ำนั้น แล้ววักน้ำเย็นใสขึ้นดื่มอย่างกระหาย


          หยาดน้ำเย็นสดชื่นที่ไหลผ่านคอของเขาลงไป ทำให้ชายชรารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างน่าประหลาด พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากผิวน้ำ ชายชราจ้องมองเงานั้นอย่างประหลาดใจ นั่นคือใบหน้าของเขาเอง แต่มันช่างต่างจากใบหน้าที่เขาเห็น ยามส่องด้วยกระจกสำริดที่กระท่อมของเขาในทุก ๆ วันเหลือเกิน ภาพบนผิวน้ำสะท้อนให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีเค้าหน้าคล้ายคลึงกับตัวเขาเอง ชายชราค่อย ๆ ไล่มือขึ้นไปบนศีรษะ หัวที่เคยล้านโล่งบัดนี้มีผมขึ้นดกหนา ใบหน้าที่เคยมีผิวยับย่น บัดนี้กลับเรียบตึง แขนขาที่เคยลีบเปลี้ยอ่อนแรง ก็กลับรู้สึกถึงกล้ามเนื้อ พร้อมกับกำลังวังชาแบบคนหนุ่ม ชายชราเข้าใจขึ้นมาในบัดดล ชะรอยนี่ต้องเป็นธารน้ำแห่งความเยาว์วัยแน่นอน

 
          ช่างตัดไม้ชราที่บัดนี้กลายเป็นคนหนุ่มร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะรีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปหาภรรยาของเขา คราวนี้เขาวิ่งได้เร็วกว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยทำมา เมื่อกลับไปถึงกระท่อม หญิงชราตกอกตกใจที่มีคนแปลกหน้าเข้าไปในบ้านของเธอ ทำให้ช่างตัดไม้หนุ่มต้องอธิบายอยู่เสียนานกว่าเธอจะเข้าใจว่า ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือสามีของเธอนั่นเอง ช่างตัดไม้เล่าให้ภรรยาของเขาฟังเรื่องความมหัศจรรย์ของน้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์ที่เขาได้ไปพบมา และขอร้องให้เธอไปที่น้ำพุแห่งนั้นกับเขาอีกครั้ง

          "ตาเฒ่าของฉันบัดนี้ได้กลับกลายเป็นคนหนุ่มไปเสียแล้ว และเขาคงจะไม่รักยายแก่อย่างฉันอีกต่อไป ไม่ได้การล่ะ ฉันจะต้องไปดื่มน้ำแห่งความเยาว์วัยนั้นบ้าง แต่มันคงจะไม่ดี หากเราทั้งสองออกไปด้วยกันแล้วทิ้งบ้านไว้ไม่มีคนดูแล เช่นนั้นเจ้าจงรออยู่ที่นี่ ระหว่างที่ฉันออกไปก็แล้วกัน"
กล่าวดังนี้แล้ว หญิงชราก็ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังน้ำพุแห่งความเยาว์วัย ตามทิศทางที่ช่างตัดไม้บอกไว้แต่เพียงลำพัง

          เมื่อเธอไปถึงยังน้ำพุซึ่งมีน้ำใสเย็นแห่งนั้น หญิงชราทรุดกายลงข้างธารน้ำ เธอก้มลงดื่มน้ำอึกแรกลงไป มันช่างเย็นสดชื่นอะไรเสียอย่างนี้ เธอจึงยิ่งดื่มน้ำเข้าไปมากขึ้น อึกแล้วอึกเล่า เงยหน้าขึ้นมาเพื่อหายใจแล้วก้มกลับลงไปดื่มน้ำต่ออีกครั้ง

          ช่างตัดไม้รอภรรยาของเขาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ที่บ้าน เขารอคอยเวลาที่เธอจะกลับมาในร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวย อย่างที่เธอเคยเป็น แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ยังคงไม่กลับมาเสียที ด้วยความกังวล ช่างตัดไม้จึงตัดสินใจออกไปตามหาเธอ เขาปิดประตูหน้าต่างทุกบานในบ้านให้แน่นหนาและออกเดินทาง

          ชายหนุ่มมุ่งหน้ามายังน้ำพุแห่งความเยาว์วัย ที่ซึ่งเขาคิดว่าจะต้องพบเธอที่นี่แน่นอน แต่กระนั้นก็หาได้มีวี่แววภรรยาของเขาแม้แต่น้อย ขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับนั่นเอง พลันหูก็ได้ยินเสียงทารกร้องดังขึ้นมาจากพงหญ้าข้าง ๆ ธารน้ำนั้น เมื่อเขาเดินมาสำรวจ ก็พบกับเสื้อผ้าของภรรยากองอยู่ที่พื้นหญ้า ท่ามกลางกองเสื้อผ้า สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของช่างตัดไม้หนุ่ม คือทารกหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง น่าจะวัยแบเบาะราว 6 เดือนเท่านั้น

 
          ช่างตัดไม้หนุ่มคิดอะไรไม่ออก ก้มลงอุ้มทารกน้อยนั้นไว้ในอ้อมแขน ค่อย ๆ ประติดประต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน นี่คงเป็นภรรยาของเขาแน่แท้ เธอคงดื่มน้ำที่ช่วยคืนความเยาว์วัยให้แก่ตัวเองมากเกินไป จึงได้ย้อนวัยกลับไปมากกว่าที่ควร แทนที่เธอจะกลับสู่วัยสาว กลับกลายเป็นทารกน้อยที่ดูแลตัวเองไม่ได้แบบนี้ ชายชราก้มลงดูทารกน้อยพลางคิดอย่างเศร้าใจ ทารกน้อยก็จ้องมองกลับมายังเขาด้วยแววตาหม่นหมองเช่นกัน ชายชราหันหลังกลับพร้อมกับเด็กน้อยในอ้อมแขน เดินกลับไปยังกระท่อมอย่างเศร้าสร้อย

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, July 7, 2013

กิ่งไม้กายสิทธิ์





         น้องเอ๋อเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีนิสัยซุกซนจนทำให้คุณแม่ต้องปวดหัวอยู่บ่อย ๆ

          วันหนึ่ง ตอนที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน น้องเอ๋อแอบฝืนคำสั่งของคุณแม่ด้วยการมุดรั้วออกไป เที่ยวในทุ่งหญ้า ที่คุณแม่เตือนนักเตือนหนาว่าอย่าเข้าไปเล่น น้องเอ๋อชอบทำอะไรแบบนี้เสมอ ขอให้ได้ดื้อสักหน่อย ถ้าคุณแม่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน มันก็เป็นเรื่องที่สนุก และน่าตื่นเต้นมิใช่หรือ?


          ในขณะที่น้องเอ๋อกำลังเดินเล่นอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นกิ่งไม้รูปร่างแปลกๆ วางอยู่บนหินก้อนใหญ่ โดยมีเศษหนังผืนเล็ก ๆ วางอยู่ติด ๆ กัน เมื่อน้องเอ๋อ เดินเข้าไปดูและอ่านข้อความบนแผ่นหนัง เธอก็พบความลับที่วิเศษสุด เพราะกิ่งไม้ที่เธอเห็นมันเป็นคทากายสิทธิ์ ที่สามารถเนรมิตให้เกิดอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา

          น้องเอ๋อดีใจและรีบนำคทากลับบ้าน เธอคิดเรื่องสนุก ๆ เอาไว้มากมาย และทันทีที่เธอเข้าไปในห้องครัวของคุณแม่ น้องเอ๋อ ก็เริ่มใช้คทาเสกให้ฝูงปลาทองลอยขึ้นมาจากอ่างน้ำ แล้วเนรมิตให้พวกมันสามารถว่ายเวียนไปในอากาศได้ด้วยอำนาจ ที่แสนอัศจรรย์ จากนั้น เธอก็ร่ายมนตร์ให้หม้อ กระทะ ตะหลิว พร้อมกับเหล่าเครื่องครัวทั้งหลาย ลุกขึ้นมาเต้นระบำกันจนเกิดเสียงดังสนั่น หวั่นไหวไปหมด เด็กน้อยเจ้าของกิ่งไม้กายสิทธิ์มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีความสุข เธอว่าคาถาต่อไปโดยบังคับให้กระป๋องแป้งลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วให้มันหมุนคว้างพร้อม ๆ กับโรยผงแป้งลงมาราวกับเป็นช่วงเวลาที่หิมะตก น้องหมากับเจ้าเหมียว ลื่นไถลบนพื้นห้องจนมอมแมมไปตาม ๆ กัน น้องเอ๋อสนุกกับการใช้คทาวิเศษ ในการทำเรื่องซุกซนจนบ้านยุ่งเหยิงชนิดที่ คุณแม่ต้องโกรธ จนควันออกหูแน่ ๆ แต่น้องเอ๋อไม่กลัวหรอก เพราะเธอรู้ว่า เธอสามารถใช้คทาวิเศษ เสกให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนที่คุณแม่จะกลับ มาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง



        น้องเอ๋อ สนุกกับการใช้เวทมนตร์จนเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อน้องเอ๋อนอนหลับไปได้สักพัก ใครบางคนที่แอบมองน้องเอ๋อจากนอกหน้าต่าง ก็เปิดประตูบ้านและย่องตรงเข้ามาหา เจ้าเด็กน้อยจอมซนที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ บุคคลลึกลับที่ลอบเข้ามาในบ้านเป็นหญิงชรา ที่มีจมูกงุ้มและคางยื่นแลดูน่า เกลียดน่ากลัวมาก เธอมองเด็กน้อยพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างสมใจ จากนั้นเธอก็เอื้อมือที่เหี่ยวย่นออก มาเพื่อหยิบกิ่งไม้กายสิทธิ์ แล้วค่อย ๆ เดินจากไปอย่างเงียบเชียบ

          ตกเย็นน้องเอ๋อสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของคุณแม่ร้องเรียก จากหน้าบ้าน เด็กน้อยรีบมองหาคทาวิเศษเพื่อเสกทุกอย่างให้กลับคืนสู่สภาพเดิม แต่อนิจจา! กิ่งไม้กายสิทธิ์กลับหายไปจากห้องนั้นเสียแล้ว

          เมื่อคุณแม่เปิดประตูเข้ามาเห้นสภาพภายในห้องครัว คุณแม่ตกใจจนร้องเจี๊ยก แถมยังอ้าปากค้างและทำตาโตเกือบ ๆ จะเท่ากับขนาดของไข่นกกระจอกเทศ เลยทีเดียว น้องเอ๋อ มองเห็นควันพวยพุ่งออกมาจากหูของคุณแม่ ราวกับเป็นควันจากกาต้นน้ำที่เดือด ปุด ๆ คุณแม่คงโกรธเธอมาก น้องเอ๋อทำหน้าเหยเก และแล้ว...เด็กน้อยจอมซนก็เริ่มร้องไห้แง ๆ ก่อนที่คุณแม่จะลงมือตีก้นเธอเสียด้วยซ้ำ

            ที่นอกบ้าน แม่มดเจ้าเลห์แอบมองลอดหน้าต่างเข้าไปพร้อมกับ ฉีกยิ้มด้วยความสะใจ ในที่สุดแผนการต่าง ๆ ที่เธอวางไว้ก็สำเร็จตามความคาดหมาย

          "เด็กซน ๆ ต้องถูกตีก้นเสียให้เข็ด"

          แม่มดหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ จากนั้นเธอก็ขี้ไม้กวาดของเธอ แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหาโอากาสแกล้งเด็กซน ๆ ทั้งหลายให้ได้รับบทเรียนที่สาสมต่อไป

เรื่อง : นำบุญ นามเป็นบุญ 
แหล่งที่มา  http://baby.kapook.com, KARN.TV

Thursday, June 6, 2013

ผลแห่งความเมตตากรุณา




มีเด็กน้อยยากจนคนหนึ่งเที่ยวออกเร่ขายสิ่งของตามบ้านคนเพื่อแลกกับเงินค่าขนมไปโรงเรียน  วันหนึ่ง เด็กน้อยพบว่าเขาเหลือเงินอยู่แค่สลึงเดียวและเด็กน้อยก็รู้สึกหิวมาก  ดังนั้น เด็กน้อยจึงคิดว่าเขาจะเข้าไปเคาะประตูบ้านหลังถัดไปเพื่อขออาหารมาทาน  จริงๆ แล้ว เด็กน้อยไม่ชอบที่จะขออาหารนักหรอก แต่เด็กน้อยรู้สึกหิวมากๆ และคิดว่าเขาจะขออาหารครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น  


เด็กน้อยเปลี่ยนความคิดในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวสวยน่ารักเปิดประตูออกมา  เด็กน้อยขอน้ำแค่เพียงหนึ่งแก้วจากหญิงสาว  แต่เนื่องจาก หญิงสาวผู้นั้นเห็นเด็กน้อยท่าทางหิวโหย จึงนำนมแก้วใหญ่มาให้เด็กน้อยดื่ม  เด็กน้อยดื่มนมจนหมดแก้วและถามหญิงสาวว่า

ผมต้องจ่ายให้คุณเท่าไรฮับ

หญิงสาวตอบเด็กน้อยไปว่า  ไม่ต้องจ่ายจ๊ะ

แม่สอนฉันว่าอย่ารับเงินจากการที่เราให้ด้วยความเมตตากรุณา

เด็กน้อยรู้สึกสำนึกในบุญคุณเป็นอย่างมาก และพูดขึ้นว่า งั้นผมขอขอบคุณจากใจจริงฮับ

ขณะที่เด็กน้อยเดินจากบ้านหลังนั้นมานั้น  เขารู้สึกว่าไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาที่แข็งแรงขึ้นเท่านั้น แต่จิตใจของเขาก็เข้มแข็งขึ้นด้วย   ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่เด็กน้อยจะเดินเข้าไปเคาะประตูของหญิงสาวผู้นั้น เด็กน้อยรู้สึกสิ้นหวังและกำลังจะล้มเลิกการขายสิ่งของเพื่อแลกกับเงินและคิดว่าคงต้องออกจากโรงเรียน  แต่ตอนนี้  เด็กน้อยมีกำลังใจที่เปี่ยมล้นและกำลังกายที่เต็มร้อย พร้อมจะกลับไปขายสิ่งของเพื่อแลกเงินเป็นค่าขนมไปโรงเรียนอีกครั้ง

หลายปีต่อมา  หญิงสาวผู้นั้นได้ล้มป่วยลงด้วยโรคร้ายแรง คุณหมอที่โรงพยาบาลประจำท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ หญิงสาวจึงถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจและรักษาโรคร้ายแรงชนิดนี้  
นายแพทย์ผ่าตัดผู้โด่งดังของโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ถูกเชิญให้เข้ามาร่วมประชุมกับเหล่าแพทย์ทั้งหลายเพื่อหาทางรักษาหญิงสาวผู้นั้น  เมื่อนายแพทย์ท่านนั้นได้ยินชื่อเมืองที่หญิงสาวผู้นั้นถูกส่งมา เขาได้รีบตรงรี่ไปยังห้องพักผู้ป่วยที่หญิงสาวนอนรักษาตัวอยู่ทันที  ตอนที่เขาเดินไปเจอหญิงสาวนั้น เขาใส่ชุดคุณหมอ และเขาจำหญิงสาวผู้นั้นได้ในทันทีที่เห็นหน้า  เขาจึงได้ตัดสินใจทันทีที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชีวิตของหญิงสาวให้ได้

หลังจากได้ใช้ความพยายามต่อสู้กับโรคร้ายมาเป็นเวลานาน  เขาก็ได้ช่วยหญิงสาวผู้นั้นให้ชนะกับโรคร้ายได้ในที่สุด  หญิงสาวผู้นั้นได้รับการรักษาอย่างเต็มพิกัด  เมื่อหญิงสาวผู้นั้นแข็งแรงและพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลได้  คุณหมอก็ขอบิลค่ารักษาพยาบาลจากแผนกการเงินของโรงพยาบาลและส่งไปให้หญิงสาวที่ห้องพักผู้ป่วย 

ในตอนแรกนั้น หญิงสาวไม่กล้าที่จะเปิดดู เพราะเธอแน่ใจว่า ถึงแม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือของเธอ ก็ไม่อาจจะหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนี้ได้ 

แต่ในที่สุด  หญิงสาวก็ตัดสินใจเปิดดู และแล้วก็มีข้อความหนึ่งที่อยู่ด้านล่างของบิลค่ารักษาพยาบาลสะดุดตาเธอ ประโยคนั้น คือ.....

จ่ายทั้งหมดนี้ .... ด้วย นมหนึ่งแก้ว

นี่แหล่ะ....ผลแห่งความเมตตากรุณา





Tuesday, June 4, 2013

ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก




ชายคนหนึ่งกำลังเดินไปตามถนนและกำลังครุ่นคิดอยู่  ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้  เขาหยุดเดินและมองไปรอบๆ แต่เขาก็มองไม่เห็นใครที่อยู่บริเวณนั้นเลย  และเมื่อเขาออกเดินอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้อีกเป็นครั้งที่สอง
 

เขาจึงลองไปดูที่หลังพุ่มไม้ จึงได้พบว่า มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งมุดหน้าร้องไห้อยู่  เขาจึงเอ่ยถามเด็กน้อยขึ้นว่า

เจ้าหนูร้องไห้ทำไมจ๊ะ?   แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ?”
ผมชื่อแดง ผมหลงทางและหาแม่ไม่เจอฮับ
งั้นตามฉันมา เราจะไปตามหาแม่ของหนูกัน   ชายผู้นั้นจึงเดินจูงมือเด็กน้อยไปที่สถานีตำรวจ 

ชายผู้นั้นบอกให้เด็กน้อยนั่งลงและเขาก็นำอาหารมาให้เด็กน้อยทาน

เมื่อเด็กน้อยหยุดร้องไห้ คุณตำรวจจึงขอให้เด็กน้อยบอกรูปร่างลักษณะของแม่ของเด็กน้อยเพื่อจะได้ตามหาแม่ของเด็กน้อยต่อไป

เด็กน้อยบอกคุณตำรวจว่า แม่ของผมสวยมาก แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก

คุณตำรวจจึงพาเด็กน้อยไปเจอผู้หญิงที่สวยๆ ในละแวกนั้น แต่เด็กน้อยบอกคุณตำรวจว่า บรรดาผู้หญิงที่สวยๆ เหล่านั้น ไม่ใช่แม่ของเด็กน้อยเลย  แต่เด็กน้อยยังคงยืนยันว่า แม่ของเด็กน้อยสวยมาก

หลังจากที่เดินตามหากันเป็นเวลานาน คุณตำรวจก็นำเด็กน้อยกลับมาที่สถานีตำรวจ และก็คิดว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

และแล้ว มีหญิงยากจน ร่างกายผ่ายผอม ผมเผ้ายุ่งเหยิง แวะเข้ามาที่สถานีตำรวจ เพราะเธอได้ยินมาว่าคุณตำรวจกำลังช่วยเด็กน้อยตามหาแม่อยู่  หญิงคนนั้นแจ้งทางคุณตำรวจว่าเธอกำลังตามหาลูกชายอยู่และสงสัยว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นลูกชายของเธอ

เมื่อเด็กน้อยเห็นหญิงคนนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ  คุณตำรวจมองหญิงคนนั้นและเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเข้าใจ

สำหรับเด็กน้อยแล้ว แม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเพราะแม่ของเขาได้ให้ทั้งความรักและการดูแลเอาใจใส่แก่เขาเป็นอย่างดี   เด็กน้อยไม่ได้มองแม่ของเขาที่หน้าตา แต่เด็กน้อยมองเข้าไปที่หัวใจซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้แก่เขา

ใช่เลย.... แม่ คือ "ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก" สำหรับเด็กน้อยจริงๆ