เช้าวันนั้นอากาศหนาวเย็นสุดๆ เสียงลมพัดอู้ข้ามท้องทุ่งโล่ง พัดเอาเปลือกและใบข้าวโพดหมุนเคว้งคว้างไปมา ในขณะที่ลมกระโชกเสียงหวีดดังและกระแทกประตูโรงนาดัง..กึงกัง..กึงกัง.. นกน้อยตัวหนึ่งต่อสู้อย่างสิ้นหวังที่จะบินข้ามทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และตกลงใกล้ๆโรงนานั้น
ตัวนกน้อยนั้น..เปียกปอนสกปรก เพื่อจะข้ามทุ่งหญ้าไปยังรังของมันให้ได้ มันได้พยายามบินขึ้นและตกลงมาแล้วหลายครั้ง นกน้อยเหน็บหนาวและสิ้นเรี่ยวแรง..รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย
วัวตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ
จ้องมองที่นกน้อยและเคลื่อนตัวหันก้นของมันมาทางนก
ในขณะที่ปากเคี้ยวเอื้อง..หยับ..หยับ..อยู่ ในขณะที่นกกำลังหวาดกลัวสุดขีด
กลัวว่าจะถูกวัวเหยียบ วัวก็ถ่ายมูลก้อนเบ้อเริ่มลงบนตัวนก
ในตอนแรก
นกน้อยสุดจะ “เซ็ง” หดหู่และสิ้นหวัง มันโกรธแค้นวัวเป็นที่สุด..ที่ทำเหมือน..ซ้ำเติมให้ยิ่งทุกข์ยาก มันพยายามต่อสู้ดิ้นรนที่จะให้หลุดออกมาจากกองขี้วัว แต่เพียงครู่เดียวก็เริ่มรู้สึกว่า มันไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไปแล้ว ขี้ที่เพิ่งออกจากตัววัว
มีความร้อนพอจะทำให้ร่างกายของเจ้านกน้อยที่น่าสงสารอบอุ่นขึ้น
นกน้อย ที่คิดว่าตัวเองกำลังจะตายไปแล้วด้วยสภาพอากาศอันเลวร้าย กำลังจะรอดชีวิต…ด้วยขี้วัวโสโครกที่ไม่ทราบเลยว่าตกลงบนตัวของมันด้วยเจตนาของวัวหรือไม่?
เจ้านกรู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เมื่อกระแสลมสงบลง มันจึงโผล่หัวออกมาจากกองขี้วัว และเริ่มต้นร้องเพลงด้วยความลิงโลดใจ
โชคร้ายที่แมวในโรงนานั้นได้ยินเสียงเพลง จึงคาบเอานกออกมาจากกองขี้วัวและกินเสีย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้ที่นำความยากลำบากมาให้อาจไม่ใช่ เพื่อทำร้ายเรา ส่วนผู้ที่นำเราออกจาก ความยากลำบากก็อาจไม่ใช่ เพื่อที่จะช่วยเรา และเมื่อได้ลิ้มรส ความสุข ก็อย่าด่วนลิงโลดใจจนเกินไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง www.kwamru.com
No comments:
Post a Comment