Friday, February 22, 2013

หมาป่ากับหมาจิ้งจอก



          หมาป่ากับหมาจิ้งจอกในป่าสูงแห่งหนึ่งนั้น เมื่อมันได้สาบานตัวเป็นเพื่อนตาย ไม่ทำอันตรายต่อกันและช่วยกันทำมาหากิน โดยหมาจิ้งจอกมีหน้าที่ไล่ต้อนสัตว์ป่าที่จะมาเป็นอาหาร ส่วนหมาป่าร่างใหญ่ ก็คอยจับสัตว์ป่าเหล่านั้น แล้วแบ่งกันกินอย่างอิ่มหนำสำราญทุกวันไป สมเป็นเพื่อนตายโดยแท้

         แต่อยู่มาไม่ช้าไม่นาน ก็ถึงฤดูกาลอันบังเกิดความแห้งแล้งกันดารทั่วไปในป่านั้น บรรดาสัตว์ป่าทั้งหลายเดือดร้อนเหลือประมาณ เพราะอาหารหายากยิ่งขึ้นทุกวัน หมาป่า กับหมาจิ้งจอกนั้น ถึงกับอดอาหารสองวันสามวันบ่อย ๆ ตลอดมา

         ในที่สุดหมาป่าไม่สามารถทนหิวได้ จึงกระโจนเข้ากัดหมาจิ้งจอกเพื่อนตายของมัน เพื่อหวังกินเป็นอาหารจะได้พ้นจากความตายเพราะไม่มีอะไรจะกิน หมาจิ้งจอกก็ดิ้นร้องขึ้น ก่อนจะกลายเป็นอาหารของหมาป่า ว่า...

        "เจ้าเพื่อนตายของข้า คำสาบานของเจ้าเอาไปทิ้งเสียที่ไหนเล่า?"

         "เจ้าหน้าโง่ เจ้าเคยเห็นคำสาบานหรือไฉน...ใครบอกเจ้าว่าโลกนี้มีคำสาบาน
คำสาบานเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ครั้นพูดออกไปแล้วก็ไม่มีตัวตน หรือแม้แต่เงาก็ไม่มี"

         ว่าแล้วหมาป่าก็กินหมาจิ้งจอก เป็นอาหารแก้หิวในมื้อนั้นเอง

         นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ไม่มีคำมั่นสัญญาในหมู่โจร"


แหล่งที่มา  กระปุกดอทคอม  / KARN.TV

Wednesday, February 20, 2013

แจ็คผู้ฆ่ายักษ์



มีหมู่บ้านน่ารักๆ แห่งหนึ่ง มีหญิงหม้ายคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในกระท่อมกับลูกชายชื่อ แจ็ค วันหนึ่งนางเรียกลูกชายเข้ามาหา แล้วพูดว่า 

"ลูกจงเข้าไปในเมือง เอาแม่วัวของเราไปขายที่ตลาด เราจะได้เอาเงินมาซื้อเสื้อผ้า และอาหาร" 

แจ็คเสียดายแม่วัวที่เคยเลี้ยง แต่ก็ต้องทำตามที่แม่สั่ง เพราะไม่มีเงินซื้ออาหาร

ในขณะที่แจ็คเดินจูงวัวเข้าในเมือง ระหว่างทางเขาพบชายแก่คนหนึ่ง ชายแก่คนนั้น มีเมล็ดถั่วหลากสีอยู่ในมือ 

ชายแก่ถามแจ็คว่า "หนูจะจูงแม่วัวไปที่ไหน" 
แจ็คก็บอกกับชายแก่ว่า "แม่ต้องการเงิน จึงต้องเอาแม่วัวตัวนี้เข้าไปขาย ที่ตลาดในเมือง"

แจ็คเห็นเมล็ดถั่วสวยๆ จึงถามแลกแม่วัวกับเมล็ดถั่วของชายแก่ เมื่อแลกกันเสร็จแล้ว 

ชายแก่บอกว่า "เมล็ดถั่วนี่ไม่ใช่เมล็ดถั่วธรรมดา แต่เป็นเมล็ดถั่ววิเศษ ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน"

แล้วทั้งสองก็แยกทางกัน แจ็คกลับมาถึงบ้าน รีบเอาถั่ววิเศษไปอวดแม่ 

พูดว่า "แม่จ๋า ดูถั่ววิเศษในถุงนี่สิ" 
แต่แม่ไม่ได้สนใจ กลับถามแจ็คว่า "ขายแม่วัวได้เท่าไร" 
แจ็คตอบว่า "ลูกแลกแม่วัวกับถั่ววิเศษถุงนี้แหละ" 

แม่ทราบดังนั้น โกรธมาก หยิบถุงถั่วจากมือแจ็ค ขว้างออกไปทางหน้าต่าง พอรุ่งเช้า แจ็คตื่น
ขึ้นมามองออกไปทางหน้าต่าง เขาแปลกใจมาก ที่เห็นต้นถั่วต้นใหญ่ ขึ้นอยู่ใกล้บ้าน ต้นถั่วยักษ์นี้ จะต้องเป็นต้นถั่วที่เกิดจากเมล็ดถั่ววิเศษที่แม่ของแจ็คขว้างออกไปทางหน้าต่าง อย่างแน่นอน 

ต้นถั่วยักษ์ต้นนี้ช่างสูงจริงๆ สูงจนมองไม่เห็นยอด แจ็คปีนขึ้นไปจนสุดยอด ที่นั่นเขาพบปราสาทของยักษ์ตัวหนึ่ง แจ็คเดินเข้าไปในปราสาท พบหญิงแก่คนดูแลปราสาท หญิงแก่เตือนแจ็คด้วยความหวังดีว่า ให้รีบกลับไปโดยเร็วก่อนที่ยักษ์เจ้าของปราสาทจะกลับมาเห็นแล้วจับแจ็คกินเป็นอาหาร 

แจ็คตอบว่า "ปีนขึ้นมาเหนื่อยเหมือนกัน ขอหยุดพักสักประเดี๋ยวเถิด" 

หญิงแก่จึงให้แจ็คหลบซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ฝ่ายยักษ์ใหญ่เจ้าของปราสาทเดินเข้ามาในปราสาท ทำจมูกฟุตฟิตๆ 

แล้วพูดว่า "ฉันได้กลิ่นมนุษย์" 
หญิงแก่จึงค้านว่า "ไม่ใช่หรอก ฉันย่างหมูไว้ให้ท่านมื้อเย็นนี้ต่างหาก"

เมื่อยักษ์กินอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็สั่งให้หญิงแก่อุ้มแม่ไก่ทองมาไว้บนโต๊ะ 

"ออกไข่เดี๋ยวนี้" ยักษ์ร้องลั่น 

ทันใดนั้น แม่ไก่ก็ออกไข่ทองคำมาฟองหนึ่ง จากนั้นยักษ์ก็สั่งให้หญิงแก่นำถุงทองมาให้ ยักษ์เปิด
ปากถุงแล้วคว่ำลง มีเหรียญทองร่วงออกมามากมาย เสร็จแล้วยักษ์ก็ให้หญิงแก่นำพิณทองมาให้อีก เมื่อวางพิณทองลงบนโต๊ะ พิณทองก็เริ่มบรรเลงอย่างไพเราะ ยักษ์นั่งดูสมบัติอย่างอิ่มเอมใจ ยักษ์ดื่มเหล้าจนหมดขวด และหลับไปในที่สุด 

"เร็วเข้าแจ็ค รีบหนีเร็ว" หญิงแก่กระซิบ 

เอาของเหล่านี้ไปด้วย ของเหล่านี้เป็นสมบัติของพ่อเธอทั้งสิ้น ยักษ์ตัวนี้เป็นคนฆ่าพ่อของเธอตาย แล้วแย่งเอาสมบัติของพ่อเธอมา แจ็คเก็บเอาเหรียญทองใส่ในถุง อุ้มแม่ไก่ และหยิบพิณทองขึ้นมาจากโต๊ะ รีบวิ่งออกไปจากปราสาทโดยเร็ว
เสียงพิณทำให้ยักษ์ตื่น เมื่อเห็นของบนโต๊ะหายไปหมด ยักษ์ก็ออกวิ่งตามแจ็คไปในทันที แจ็ควิ่งตรง
ไปที่ต้นถั่ว รีบไต่ลงไปตามต้นถั่ว แจ็คมีรูปร่างเล็กกว่า จึงปีนได้อย่างรวดเร็ว พอใกล้จะถึงพื้นดิน เขาตะโกนให้แม่ช่วย 

"แม่จ๋า ช่วยด้วย หยิบขวานให้ลูกที" 

แม่ของแจ็คได้ยินก็รีบหยิบขวานส่งมาให้แจ็ค แจ็คได้ขวานก็ฟันฉับๆ ลงไปที่โคนต้นถั่ว ในที่สุดต้นถั่วก็ล้มฟาดกับพื้นดิน ยักษ์ตกลงจากต้นถั่ว หัวทิ่มดินตายสนิท และตั้งแต่นั้นมา แจ็คกับแม่ของเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

  
แหล่งที่มา  http://gdc.in.th

Tuesday, February 19, 2013

ฝูงนกกับแรดใจร้าย

          นานมาแล้วในป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนกจำนวนมากมาอาศัยสร้างรังกันอยู่บนต้นไม้ นกหลายชนิดที่อาศัย ณ ที่นี้มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ

          จนในวันหนึ่ง มีแรดตัวหนึ่งเดินเข้ามาในป่าแถบนั้น มันเห็นว่ามีนกมากมายอาศัยอยู่บนต้นไม้ แรดผู้กำลังหิว จึงเอานอของมันกระแทกไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง จนรังของนกสีเขียวที่อยู่บนต้นไม้นั้นตกลงมา จากนั้นมันจึงกินลูกนกตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในรังนั้น แม่นกสีเขียวโกรธมาก แต่มันไม่สามารถทำอะไรแรดตัวนั้นได้ เมื่ออิ่มจากการกินลูกนกแล้ว แรดก็เดินจากไป บรรดานกทั้งหมดจึงพร้อมใจกันมาประชุมหารือกัน นกสีแดงออกความเห็นว่า

          "แรดตัวนี้จะต้องหวนกลับมาอีกแน่นอน พวกเราต้องร่วมมือกันขับไล่มันไป" 
          แต่นกสีเขียวแย้งว่า "ไม่เอาหรอก แรดตัวนั้นใหญ่โตและแข็งแรงนัก"
          "ใช่ ๆ พวกเราคงทำอะไรมันไม่ได้หรอก" นกสีเหลืองเห็นด้วย

          ด้วยเหตุที่นกเหล่านี้ชอบขัดแย้งกันอยู่เป็นประจำ พวกมันจึงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนกสีแดง ทำให้ไม่มีใครเตรียมรับมือกับแรดตัวนั้นเลย เมื่อไม่มีใครเห็นด้วย นกสีแดงผัวเมียจึงปรึกษากันว่า "เราคงต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะทีนี้" ว่าแล้ว ทั้งสองก็ช่วยกันย้ายรังของมันไปอยู่บนต้นไม้ที่สูงขึ้นไปบนหน้าผา ซึ่งแรดไม่มีทางไปถึงได้เลย

          วันรุ่งขึ้น แรดตัวเดิมก็กลับมาอีก คราวนี้มันเอานอของมันชนกระแทกไปยังต้นไม้ที่นกสีเหลืองอาศัยอยู่ ทำให้รังของนกสีเหลืองตกลงมา จากนั้นมันจึงวิ่งชนต้นไม้อื่น ๆ อีกหลายต้น ลูกนกและไข่ในรังที่ร่วงหล่นลงมาล้วนตกเป็นอาหารของแรดจนหมดสิ้น บรรดาพ่อแม่นกต่างพากันเสียใจ ที่ไม่คิดหาทางรับมือกับแรดตัวนี้ไว้เสียแต่แรก ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของนกสีแดงที่เตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว กลับมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย


โดย : คุณครูเบญจมาศ อยู่เชื้อ
โรงเรียนศรีนคร อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
แหล่งที่มา  http://baby.kapook.com

Thursday, February 14, 2013

เปิดตำนาน คิวปิด เทพเจ้าแห่งความรัก



         วันวาเลนไทน์ เป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญสำหรับคนไทยไปแล้ว ซึ่งสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงในวันนี้คงจะหนีไม่พ้น ดอกกุหลาบสีแดง ที่สื่อถึงความรักของผู้ให้ได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเทศกาลนี้ไม่แพ้กัน นั่นคือ คิวปิด ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะจินตนาการภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก ในมือถือคันธนูกับลูกศร เพื่อยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร แล้วรู้หรือไม่ว่าเทพเจ้าคิวปิดก็มีตำนานความรักอมตะสุดคลาสิคไม่แพ้โรมิ โอ-จูเลียต หรือ แจ๊ค-โรส ในไททานิค เช่นกัน เอาล่ะค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวตำนานความรักสุดซึ้งของคิวปิดมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

          เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอีรอส (Eros) ในภาษากรีก และ เทพอามอร์ (Amor) ในภาษาโรมัน เป็นกามเทพ หรือเทพแห่งความรัก เป็นโอรสของเทพเจ้ามาร์และเทพีวีนัส โดยคิวปิด ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าที่มีรูปลักษณะงามที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลาย และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้ และตำนานความรักครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อนางไซคี ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิดไป ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง

          คิวปิดได้ฟังดังนั้นจึงรีบไปทำตามคำสั่งแม่ โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนางกำลังหลับอยู่ ตั้งใจจะยิงศรตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนาง คิวปิดกลับตกตะลึง และกลับทำลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ จนกระทั่งพี่สาวของนางไซคีออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนาง จึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ว่า เมื่อไรนางไซคีจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์ และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด

          ทั้งพ่อและแม่ จึงไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เนื่องจากคิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป

          ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท แต่เมื่อพี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย นางก็เชื่อในคำยุยงนั้น โดยซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี และพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใด ๆ ที่เธอเคยพบมา

          แต่ ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่าความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาลจากนั้นคิวปิดก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย

ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี นางจึงซัดเซพเนจรรอนแรม จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคีจึงจัดระเบียบ ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ


          แต่เทพีวีนัส ผู้ซึ่งมีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่าง ๆ นานา โดยให้ไซคีผ่านภารกิจทั้ง 3 อย่างเสียก่อน โดยภารกิจ แรก นางไซคีต้องแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่าง ๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคีถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่าง ๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ

          เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำมาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับจนไซคีสามารถผ่านภารกิจที่สองได้สำเร็จ เมื่อไซคีผ่านทั้งสองภารกิจมาได้ เทพีวีนัสถึงกับกริ้ว และคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง

          ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและสงสาร ทว่าทิฐิก็ยังทำให้คิวปิดไม่ยอมปรากฏกาย เมื่อไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่าง ๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัยให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด

         แต่ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม เพื่อว่าสามีของเธอจะเกิดความยินดีเมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก

          เมื่อนางไซคีสลบไปแล้ว เทพคิวปิดก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น เก็บใส่ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคีเห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้ง แล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เซ่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุข

          สำหรับ ตำนานรักของคิวปิดและไซคีนี้ หากเราถอดความหมายจริง ๆ ก็จะพบว่า คู่รัก หรือแม้แต่สามีภรรยาจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วาง ใจซึ่งกันและกัน และหากเกิดอุปสรรคใด ๆ ขึ้นมา ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และในที่สุดก็จะพบกับความสุขที่แท้จริงนั่นเอง

  
แหล่งที่มา  http://hilight.kapook.com, ไทยโพสต์