Thursday, January 31, 2013

เจ้าหนูตัวจ้อย


          นานมาแล้ว มีพ่อครัวคนหนึ่งเปิดร้านขายขนมเค้กอยู่ที่ตลาดใจกลางเมือง พ่อครัวคนนี้ทำขนมเค้กอร่อยมาก ใคร ๆ ต่างก็ชอบขนมเค้กของเขา พ่อครัวขายขนมเค้กได้วันละเป็นร้อย ๆ ก้อน เขามีความสุขที่ผู้คนชื่นชอบขนมเค้กที่เขาทำ

           เช้าวันหนึ่ง พ่อครัวตกใจเมื่อเห็นห้องครัวของเขามีข้าวของกระจุยกระจายเต็มไปหมด พ่อครัวพยายามสำรวจหาร่องรอยของผู้ร้าย และแล้ว... เขาก็พบรอยเท้าสัตว์ที่ไม่พึงปรารถนา มันคือรอยย่ำบนผงแป้งของเจ้าหนูผู้ซุกซนนั่นเอง พ่อครัวไม่ชอบให้หนูเข้ามาวุ่นวายในร้านของเขาเลย ดังนั้น เขาจึงคิดหาวิธีจัดการกับหนูจอมยุ่ง


          พ่อครัวไปขอร้องแมวเหมียวให้มาช่วยปราบหนู เจ้าแมวสนุกกับการไล่จับหนูตลอดทั้งคืน เมื่อพ่อครัวกลับมาในตอนเช้า เจ้าหนูตัวจ้อยก็ย้ายออกไปจากร้านของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อครัวนึกอยากขอบใจแมวเหมียวที่ช่วยไล่หนู แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห้นแมวนับสิบตัว ที่เหมียวชวนให้มานอนเล่นในร้าน พ่อครัวก็ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก และเมื่อพ่อครัวเอ่ยปากไล่พวกมัน ฝูงแมวก็พร้อมใจกันพองขนฟูขู่ฟ่อ ๆ และทำทีว่าจะข่วนพ่อครัวถ้าเขาบังอาจมารบกวนเวลานอนกลางวัน อันแสนสุข พ่อครัวถึงกับซึมจ๋อย! เขาอยากได้ร้านของเขาคืนจากแมว ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดหาวิธีจัดการกับพวกแมวจอดโหด


           พ่อครัวไปขอร้องคุณหมาให้มาช่วยปราบแมว คุณหมาสนุกกับการไล่กวดพวกแมวตลอดทั้งคืน เมื่อพ่อครัวกลับมาในตอนเช้า ฝูงแมวจอมโหดก็อพยพออกจากร้านเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อครัวนึกขอบใจคุณหมาที่ช่วยไล่แมว แต่เมื่อเขาเหลือบไปดูรอบ ๆ ห้อง เขาก็เห็นคุณหมากำลังประกาศอาณาเขตของมันด้วยการฉี่ตามมุมร้าน และหย่อนระเบิดเอาไว้เป็นก้อน ๆ เรี่ยราดพื้นห้องไปหมด พ่อครัวโกรธเจ้าหมามาก แต่เมื่อเจ้าหมาแยกเขี้ยวขู่ พ่อครัวก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ แล้วเลี่ยงไปนั่งหลบมุมเพื่อหาวิธีจัดการกับเจ้าหมาอย่างเงียบ ๆ
 

           พ่อครัวไปขอร้องคุณเสือให้มาช่วยปราบหมา เสือตัวใหญ่สนุกกับแกล้งวิ่งไล่เจ้าหมาตลอดทั้งคืน เมื่อพ่อครัวกลับมาในตอนเช้า เจ้าหมาผู้น่าสงสารก็เดินตุปัดตุเป๋ออกจากร้านไปอย่างสะบักสะบอม เป็นที่สุด พ่อครัวนึกของใจคุณเสือที่ช่วยไล่เจ้าหมา แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห้นเจ้าของเขี้ยวขาว ๆ ที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะนวดแป้ง พ่อครัวก็เริ่มกลัวจนตัวสั่น และรีบออกจากร้านของตัวเองทันที


          พ่อครัวไปขอร้องช้างเบิ้มให้มาช่วยปราบเจ้าเสือเขี้ยวใหญ่ ช้างเบิ้มขอรางวัลในการปราบเสือเป็นขนมเค้กจากพ่อครัว จำนวนหนึ่งอิ่ม เมื่อพ่อครัวรับปาก ช้างเบิ้มก็วิ่งไล่เหยียบเจ้าเสือเล่นตลอดทั้งคืน และแล้วช้างเบิ้มก็สามารถขับไล่เจ้าเสือร้าย ให้เผ่นหายไปจากร้านขายขนมเค้ก ได้ พ่อครัวดีใจมากที่เขาได้ร้านกลับคืนมาอีกครั้ง แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา พ่อครัวจึงต้องลงมือผสมแป้งกะละมังใหญ่ เพื่ออบขนมเค้กให้ช้างเบิ้มกินจนกว่าจะอิ่ม

           ช้างเบิ้มกินขนมเค้กของพ่อครัวที่ละก้อน...ทีละก้อน ขนมเค้กของพ่อครัวอร่อยมาก อร่อยเสียจนช้งเบิ้มสามารถกินได้โดยไม่รู้สึกอิ่ม พ่อครัวผู้น่าสงสารทำขนมเค้กเลี้ยงช้างเบิ้มเสียจนมือหงิก ในที่สุด พ่อครัวก็ตัดสินใจว่า เขาต้องหาวิธียุติการหม่ำของคุณช้างเบิ้มจอมตะกละ
 

           พ่อครัวไปขอร้องหนูตัวจ้อยให้กลับมาจัดการกับช้างเบิ้ม เจ้า หนูขอรางวัลในการปราบช้างเป็นขนมเค้กวันละ 1 ก้อน โดยมันสัญญาว่าถ้าพ่อครัวให้ขนมเค้กมันกินทุกวัน มันจะไม่ออกมาเพ่นพ่าน และไม่ทำให้ห้องครัวเลอะเทอะ เมื่อพ่อครัวรับปาก เจ้าหนูจอมซน ก็แกล้งโผล่หน้าไปทักทายช้างเบิ้มที่มีขนมเค้กอยู่เต็มปาก ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าสิ่งเดียวที่ช้างกลัวก็คือหนู เมื่อช้างเบิ้มเห็นเจ้าหนูตัวจ้อย มันก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ แล้ววิงออกจากร้านไปอย่างไม่คิดชีวิต

           หลังจากนั้นเป็นต้นมา พ่อครัวก็ทำตามสัญญาด้วยการอบขนมเค้ก เผื่อเจ้าหนูวันละ 1 ก้อน พ่อครัวคิดในใจว่า การมีหนูอยู่ในครัวก็ยังดีกว่าการมีแมว หมา เสือ หรือช้างมาเพ่นพ่านจนเขาทำขมเค้กไม่ได้ และแล้ว ... เจ้าหนูตัวจ้อย (ที่ต่อมากลายเป็นเจ้าหนูตัวอ้วน) ก็ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในห้องครัวแสนสุขแห่งนั้นสืบมา

แหล่งที่มา  กระปุกดอทคอม / นิทานสนุก

Monday, January 28, 2013

หมูกับหมา



กาลครั้งหนึ่ง มีชาวนาครอบครัวหนึ่งเลี้ยงหมูและหมาไว้ที่บ้าน ครอบครัวชาวนาให้หมูและหมาไปไถนา โดยให้หมาตะกุยตะกายดิน หมูก็ให้มันคุ้ยดินให้ร่วน พอไปถึงนา หมูเริ่มคุ้ยดิน หมานอนอยู่เฉย ๆ ไม่ช่วยทำอะไรเลย หมูมันก็เริ่มคุ้ยดินจนเสร็จ ส่วนหมาวิ่งหยอกกันไปมาอย่างสบายใจ 

ในที่สุดบริเวณที่นาที่หมูคุ้ยนั้นไม่มีรอยเท้าของหมูเลยเป็นร่องรอยเลย เห็นแต่รอบเท้าของหมา เพราะหมูคุ้ยดินก่อนหมาวิ่งเล่นทีหลังทำให้ลบรอยเท้าหมูจนหมดสิ้น คงเห็นแต่รอยเท้าหมาอย่างชัดเจนเต็มท้องนา

เมื่อหมูคุ้ยดินเสร็จและหมาก็วิ่งเล่นจนเหนื่อยแล้วจึงพากันกลับบ้าน หมาได้บอกเจ้าของบ้านว่า

หมู ไม่ได้ช่วยไถช่วยคุ้ยดินเลย ข้าเป็นผู้คุ้ยดินเอง หมูเอาแต่นอนเล่น ถ้าไม่เชื่อลองไปดูที่คุ้ยเสร็จแล้วสิ จะไม่เห็นรอยเท้าหมูสักนิด มีแต่รอบเท้าของข้าทั้งหมด

ชาวนานั้น เมื่อรู้ดังนั้นจึงออกไปดูที่นา เห็นแต่รอบเท้าหมาจริงเหมือนที่หมาบอก เมื่อไปเห็นดังนั้นจึงเชื่อว่าหมาสู้งานหนักจริง ๆ

ด้วยความเชื่อเช่นนั้น ชาวนาคนนั้นจึงไม่ยอมเลี้ยงหมูด้วยข้าวสุกและก็บ่นว่า

หมูนะหมูต่อไปเอ็งไม่ต้องกินข้าวสุกแล้ว ข้าจะให้เอ็งกินแต่รำ และข้าจะให้ข้าวสุกแก่หมาเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เองหมูจึงต้องกินรำมาจนถึงทุกวันนี้

 
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การประจบสอพลอไม่ได้ทำให้ชีวิตสุขสบายเสมอไป และการฟังความ ไม่ควรฟังความข้างเดียว

แหล่งที่มา  http://nitankonnon.blogspot.com

Thursday, January 24, 2013

ห่านกับไข่ทองคำ



ชาวนาผู้ยากจนคนหนึ่ง เลี้ยงห่านไว้เพื่อเก็บไข่ไว้กิน วันหนึ่ง ชาวนาเข้าไปเก็บไข่เหมือนเช่นทุกวัน ก็พบว่าไข่ที่อยู่ในรังห่านเป็นไข่ทองคำแท้ๆ ชาวนาจึงนำไปขายให้กับช่างทองได้เงินมาจำนวนมากทำให้ชาวนาร่ำรวย มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

ในทุกๆเช้า ชาวนาจะเก็บไข่ทองคำเพื่อนำไปขาย จนอยู่มาวันหนึ่ง ชาวนาเกิดความคิดว่า 

ถ้าเราผ่าท้องห่าน ก็จะได้ไข่ทองคำทั้งหมด ไม่ต้องมารอเก็บทุกเช้า

คิดได้ดังนั้น ชาวนาจึงตรงเข้าไปฆ่าเจ้าห่านตัวโปรดทันที เมื่อเขาลงมือผ่าท้องมันก็พบกับความว่างเปล่า และเขาก็กลับไปเป็นชาวนาจนๆ เหมือนเดิม 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  :    โลภมาก ลาภหาย 
 
แหล่งที่มา  http://www.tinyzone.tv

Wednesday, January 2, 2013

ลูกเป็ดขี้เหร่



...นิทานเรื่องนี้เขาต้องการเน้นถึงการผจญภัยและการเจริญเติบโตอย่างน่าสงสาร ของไข่หงส์ใบหนึ่งที่เคราะห์ร้ายพัดหลงเข้าไปอยู่ในเล้าเป็ดที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของมัน ผลเลยต้องกลายมาเป็น"ลูกเป็ดขี้เหร่ "อย่างที่ว่า....

ภูมิทัศน์ชนบทเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก ขณะนี้กำลังย่างจะเข้าฤดูร้อน ข้าวสาลีก็กำลังออกรวงเหลืองอร่าม แสงแดดสาดส่องบ้านหลังเก่าแสน สวยที่มีคูลึกล้อมรอบจากกำแพงลึกลงไปในน้ำ และที่กอไม้นี้เองได้มี แม่เป็ดนั่งกกไข่อยู่ในรังของมัน ซึ่งไข่พวกนี้ก็ถึงเวลาที่จะแตกออกมา เป็นเป็ดตัวน้อย ๆ และวันนี้แม่เป็ดคิดว่าน่าจะกกพอแล้ว เพราะก็กกมานานมากจนไม่ค่อยจะมีใครคิดที่จะมาหา เพราะเป็ดตัวอื่น ๆ นั้นมักชอบที่จะไปว่ายน้ำเล่น มากกว่าที่จะเข้ามาคุยกับแม่เป็ดนั่นเอง...

ในที่สุดไข่เป็ดก็แตกฟองออกมาเป็นลูกเป็ด ตัวน้อยที่น่ารัก " จิ๊บ จิ๊บ " ลูกเป็ดส่งเสียงร้องเมื่อพวกมันได้โผล่หัวออกมาจากไข่
 
" ก้าบ ก้าบ ก้าบ " แม่เป็ดร้อง ลูกเป็ด ทั้งฝูงก็ร้องเลียนแบบขานรับ ก้าบ ก้าบ แล้วมองไปรอบๆอย่างตกใจ "โอ..โลกภายนอกช่างใหญ่โตเสียจริง ! " ลูกเป็ดพากันร้องขึ้น เพราะ เพิ่งได้เห็นที่ว่างมากกว่าเมื่อเวลาที่พวกมันอยู่ในเปลือกไข่เป็นไหน ๆ
 
" ลูกคิดว่าโลกทั้งโลก มีเพียงเท่านี้หรือจ๊ะ " แม่เป็ดถามด้วยความเอ็นดู
" มันกว้างไกลไปจน ถึงท้าย สวนโน่นแน่ะ แต่แม่เองยังไปไม่ถึงหรอกนะจ๊ะ เอาหละ มาครบทุกตัวแล้ว ใช่ไหม ? " พูดพลางแม่เป็ดก็ลุกขึ้น " แต่ว่าลูกแม่ยังออกมาไม่หมดนี่ ไข่ใบโต ที่สุดยังไม่แตกอีกแน่ะ แล้วจะมานอนนานแค่ไหนกันนะ แม่ชักจะเหนื่อยแล้วนา "

แม่เป็ดบ่นพลางแต่ก็ก้มลงฟักไข่ใบใหญ่ใบนั้นต่อไป แล้วในที่สุดไข่ใบใหญ่ก็แตกออกมา "จิ๊บ จิ๊บ " ลูกตัวน้อยส่งเสียงร้อง เรียก พลางดิ้นกระดุกกระดิกออกมาจากเปลือกไข่ มันตัวโต และดูน่าเกลียดเชียว แม่เป็ดจ้องดู " ตอนนี้ออกมาเป็นลูกเป็ดตัวโค่งกว่าใครเขา " แม่เป็ดเย้า " ตัวอื่น ๆ เขาไม่เห็นเหมือนอย่างนี้เลย รึว่าจะเป็นลูกไก่งวงจริง ๆ ซะแล้ว ไว้คอยดูตอนลงน้ำ ก็คงจะรู้ความจริงกันถ้าไม่ลงละก็จะเตะให้น่าดูเชียว "

วันต่อมาเป็นวันที่อากาศดีเหลือเกิน พระอาทิตย์สาดส่องแสงจ้าสว่างไสว แม่เป็ดจึงพาลูก ๆ มายังริมบึง นางกระโดดลงน้ำเสียงดัง " ตูม " นำหน้าลูก ๆ พลางร้องเรียก" ก้าบ ก้าบ " ลูกเป็ดแต่ละตัวต่างกระโดดลงน้ำมันจมหัวลงน้ำ แล้วโผล่ขึ้นมาใหม่ ทุกตัวลอยคอว่ายอย่างสวยงาม ต่างใช้เท้ากระพุ้งน้ำเล่นอย่างสบายใจ และแม้แต่เจ้าลูกเป็ดขี้เหร่สีเทาตัวนั้นก็ยังลงเล่นว่ายน้ำด้วย
ลูกเป็ดขี้เหร่อาภัพที่ออกจากไข่มาหลังสุดนี่สิ ขี่เหร่เหลือใจ ทั้งถูกจิก ถูกผลัก และถูกค่อนแคะจากพวกเป็ดไก่ทั้งหลาย


"มันตัวโตเกินไป" ทุกตัวพูด ลูกเป็ดที่น่าสงสารไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร มันเวทนาตัวเองเป็นที่สุด ที่มัน ช่างตัวโตน่าเกลียดจนกลายเป็นตัวตลกสำหรับใคร ๆ ในลานเป็ดไปโดยปริยาย วันแรกก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่วันต่อ ๆ ไปก็ยิ่งร้ายขึ้นทุกที ทุกตัวตามล่าลูกเป็ดที่น่าสงสาร แม้กระทั่งพวกพี่ ๆ ของมันเองก็ข่มขู่มัน พากันพูดตลอดเวลา ว่า " ขอให้แมวมันคาบเอาไปกินเสียเถิด...เจ้าตัวยุ่ง " และในที่สุดแม้แต่แม่ของมันเอง ก็ยังพูดว่า " ไปให้พ้นหูพ้นตาฉัน เถิดไป๊"

เป็ดก็ไล่จิกมัน ไก่ก็ไล่ตีมัน และแม้แต่เด็กเลี้ยงเป็ดไก่ก็ยังจะเตะมันเล่นอีกเสียด้วย...
ลูกเป็ดขี่เหร่อาภัพสุดที่จะทนต่อไปได้อีกแล้ว มันตัดสินใจเดินหนี โดยเดินข้ามแนวป่าไป ทำให้พวกนกเล็ก ๆ ในพุ่มไม้ถึงกับตกใจผวา " พวก เขา ตกใจเพราะฉันขี้ริ้วขี้เหร่นี่เอง " ลูกเป็ดหลับตาลงทั้ง ๆ ที่กำลังวิ่งหนี.. มันวิ่งและวิ่งมาจนถึงบึงใหญ่บึงหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีพวกเป็ดป่าอาศัยอยู่ และนอนอยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืนด้วยความเหน็ดเหนื่อยและเศร้าโศกเสียใจ กับชีวิตอันน่าท้อแท้นี้ยิ่งนัก


ในรุ่งเช้าเมื่อฝูงเป็ดป่าตื่นขึ้นมา พวกมันต่างกรูกันเข้ามาดูสมาชิกใหม่
" เธอเป็นเป็ด พันธุ์ไหนกันล่ะฮึ " ต่างพากันเอ่ยปากถาม ลูกเป็ดหันมองไปที่เป็ดตัวโน้นทีตัวนี้ที เป็นการทักทายอย่างสุภาพที่สุด
" แกนี่มันน่าเกลียดพิลึก " เป็ดป่าเอ่ยปาก
" แต่ก็ ไม่ต่างไปจากพวกเรานักหรอก แต่อย่าเผลอมาแต่งงานกับพวกเราได้เป็นพอ "
 
น่าสงสาร เพราะลูกเป็ดขี้เหร่ไม่ได้นึกถึงเรื่องแต่งงานเลยสักนิด สิ่งที่ปรารถนาสูงสุด ขณะนี้หรือก็คือ ขอให้มีฝูงอยู่ มีที่นอนที่กินและอยู่ใกล้ๆกับแหล่งน้ำเพียงเท่านั้นก็เป็นพอสำหรับชีวิตอันน่าสงสารนี้

แต่แล้วพออยู่ที่นั่นได้แค่สองสามวันอยู่ ๆ ก็เกิดเสียงดัง " ปัง ! ปัง ! " เป็นเสียงปืนดังแหวกอากาศมาเหนือหัว แล้วเป็ดป่าตัวหนึ่งก็ตกลง มานอนสลบแน่นิ่งอยู่ในบึง..มันตายทันที ทำให้น้ำในบึงมีสีแดงไปด้วยเลือด ปัง ! ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง แล้วตามมาติด ๆ อีกสองนัด ทำให้ฝูงเป็ดป่าบินหนีแตกฝูงกัน ให้จ้าละหวั่น ต่อมาก็มีเสียงดังไล่หลังมาอีก ทีนี้เป็นการล่าสัตว์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยบรรดานักล่า สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเริ่มขึ้นแล้ว... เหล่าสุนัขล่าเนื้อพากันวิ่งเห่ากรรโชกลุยน้ำอยู่ในโคลน จ๋อม จ๋อม พงอ้อป่ากกถูกแหวกราบออกเป็นทาง ลูกเป็ดขี้เหร่ที่น่าสงสารตกใจกลัวจนตัวสั่น มันเอาหัวซุกลงที่ใต้ปีกด้วยความหวาดกลัวในขณะที่ มันต้องเผชิญหน้ากับสุนัขตัวใหญ่ที่มีดวงตาวาวดูน่ากลัวยิ่งนัก มันแยกเขี้ยวหมายจะ ขย้ำหัวของลูกเป็ดขี้เหร่ แต่เจ้าสุนัขล่าเนื้อตัวนั้นเมื่อมองเห็นว่าเป็นแค่ลูกเป็ดมันก็ก้าวย่ำลงโคลน จ๋อม...ผ่านเลยไป โดยไม่ได้แตะต้องอะไรลูกเป็ดตัวน้อย แล้วมันก็วิ่งไปหาเจ้านายของมัน " โอ้ สวรรค์โปรด ! " ลูกเป็ดถอนหายใจอย่างโล่งอก
 
" นี่ฉันมันคง น่าเกลียดเอาการ แม้แต่หมามันยังไม่อยากจะกัดฉันเลย " ลูกเป็ดที่น่าสงสารนอน คิดนิ่งเงียบ

ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้กลายสีเป็นสีทองและน้ำตาลตลอดทั้งราวป่า เมฆทุกก้อนดูจะอุ้ม น้ำหนักที่อวลไปด้วยลูกเห็บและหิมะ เจ้าเป็ดที่น่าสงสารรู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง เพราะมัน ต้องอยู่ตัวเดียว และว้าเหว่ ในเย็นวันหนึ่งขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ฝูงนก ที่สวยงามกำลังออกจาก พุ่มไม้ ลูกเป็ดไม่เคยเห็นนกไหนจะสวยเท่านี้มาก่อน พวกนก เหล่านั้นคือหงส์ แต่ละตัวสวยสง่า สีขาวนวล ขนเป็นเงามันวาว วับ มีคอยาวนุ่มนวลยาม ส่งเสียงร้องฟังแล้วประหลาดนัก แต่ละตัวจะกางปีกกว้าง บินจากท้องทุ่งอันหนาวเย็น ไปยังดินแดน อันอบอุ่นและท้องทะเลกว้าง บรรดาฝูงหงส์ต่างบินสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ในอากาศ สูงจนเป็ดน้อยฉงน มันพยายามชูคอสูงให้สูงขึ้นไปในอากาศตามอย่างนกสวยฝูงนั้น

พยายามเปล่งเสียงประหลาด ๆออกมาที่ฟังแล้วแม้แต่ตัวเอง ยังตระหนกเขาจะไม่มีวัน ลืมนกฝูงนั้นเป็นอันขาดเพราะพวกเขาดูช่างมีความสุขอย่างเหลือเกิน

เมื่อนกสวยเหล่านั้นบินไปจนลับสายตา ลูกเป็ดขี้เหร่ดำลึกลงไปใต้น้ำ ผุดขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นใครนอกจากตัวเอง เขาไม่รู้ว่านกพวกนั้นชื่ออะไร และพากันบินไปที่แห่งไหน นึกชอบนกพวกนั้นขึ้นมาครามครันอย่างไม่เคยรู้สึกชอบนกพันธุ์ใดได้มากเท่านี้มาก่อน เขาเองวาดหวังไว้ลึก ๆ บ้างว่าอยากให้ตัวเองน่ารักอย่างนั้นบ้าง และเขาก็คงสุขไม่น้อยหากพวกเป็ดใจกว้างยอมรับเขาได้ท่ามกลางหมู่เป็ดด้วยกัน
อนิจจาลูกเป็ดขี้เหร่เอ๋ย... ฤดูหนาวช่างหนาวเหลือเกิน ลูกเป็ดจำใจต้องเคลื่อนไหวด้วยการว่ายน้ำเพื่อไม่ให้แข็งเป็นน้ำแข็ง ทว่าแต่ละคืน บริเวณที่เขาใช้ว่ายน้ำดูเหมือนจะแคบลง ๆ ทุกที ครั้นพอนาน ๆเข้ามันก็เหนื่อยล้า ได้แต่หยุดอยู่นิ่ง ๆ และจับตัวเย็นแข็งทื่ออยู่บนแผ่นน้ำแข็งนั้น โอ้ พระเจ้า..เขาจะต้องตายด้วยหรือนี่! 

แต่เหมือนพระเจ้าได้เอื้อมมือเข้ามาช่วย เพราะในรุ่งเช้าได้มีคนตัดไม้คนหนึ่งเผอิญเดิน ผ่านมาทางนั้น เขานึกสงสารจึงไปกระทุ้งให้น้ำแข็งแตกด้วยรองเท้าไม้ แล้วอุ้มเอาลูกเป็ดที่น่าสงสารกลับไปให้เมียของเขาที่บ้านและจึงด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ลูกเป็ดขี่เหร่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เด็ก ๆ ที่เป็นลูก ๆ ของคนตัดไม้ผู้นั้นชอบเข้ามาเล่นกับลูกเป็ดเพราะนึกเอ็นดูมัน แต่ลูกเป็ดกลับคิดว่า พวกเด็กๆจะเข้ามาทำร้าย จึงตกใจถลาบินไปจากจานนม เป็นผลทำให้อาหารบนโต๊ะตกลงมาหกกระจายไปทั่วห้อง ภรรยาของเจ้าของบ้านเห็นเข้าก็ร้องเสียงดังพลางโบกมือไล่ ลูกเป็ดรีบบิน แต่บินหลง เข้าไปในหม้อเนย และลื่นตกลงไปในถังแป้งอีก อุแม่เจ้า ! ดูสารรูปลูกเป็ดแล้ว หญิงเจ้าของบ้านกรีดเสียงร้องพลางเอาไม้กวาดไล่ตีมัน เด็ก ๆ ก็กรูกันเข้ามาเพื่อจะช่วยกันจับด้วยความสนุกสนานและโกลาหน โชคดีที่ประตูเปิดกว้าง เอาไว้ ลูกเป็ดจึงได้โอกาสบินหนีไปสู่ภายนอกได้อย่างรวดเร็ว

มันได้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงเล็ก ๆที่ดูเหมือนว่าจะเป็นโพรงของพวกหนู และนอนนิ่งราวกับตาย อยู่ในที่ตรงนั้น เป็นเรื่องเศร้าเหลือเกินที่จะบรรยายถึงความทุกข์ทรมานของฤดูหนาว อันแสนหนาวเย็นที่ลูกเป็ดตัวน้อยที่น่าสงสารได้พบพาน... มันตัดสินใจอาศัยใช้ชีวิตของมันอยู่ในโพรงของพวกหนูกลางพงต้นอ้อ ติดธารน้ำนั่นเอง ในทุกๆวันของเวลากลางวัน มันจะออกไปหากินสาหร่าย จับพวกหอยปูปลากินประทังชีวิต และจะใช้ใบไม้แห้งกำบังตัวของมันไว้ เพื่อช่วยให้หายหนาวในเวลากลางคืน และในบางครั้งก็ได้อาศัยพวกหนูเจ้าของโพรงช่วยแบ่งปันอาหารให้ เพื่อเพียงไม่ให้ต้องตายไปวัน ๆ เพื่อหวังและรอคอย ให้ถึงฤดูใบไม้ผลิที่จะมาเยือนอีกครั้งอย่างอดทน....

และแล้วเมื่อหิมะละลายหายไป แสงแดดกลับมาเยือนอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ โลกกลับสวยงามขึ้นมาอีกครั้ง นาทีนั้นลูกเป็ดขี้เหร่ยกปีกกระพือขึ้น รู้สึกว่ามันกลับมีพลังมากกว่าก่อน มีแรงบินไปได้ไกลไปถึงที่ไหน ๆ และ กว่าที่เขาจะรู้สึกตัว ก็บินมาถึงสวนขนาดใหญ่ ที่ซึ่งแอ็ปเปิ้ล ออกดอกบานเต็มต้น ดอกไลแลคส่งกลิ่นหอม โน้มกิ่งสีเขียวของมันให้ย้อยไปบนลำธารน้ำที่คดเคี้ยว อากาศในฤดูใบไม้ผลิช่างสดชื่น และข้างหน้านั้นเองมีหงส์สวยงามสามตัวกำลังไซ้ ขนลอยละล่องอยู่บนผิวน้ำอย่างนุ่มนวลชวน ลูกเป็ดจำภาพหมู่นกที่สวยงามนั้นได้ ไม่ลืมเลือน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด " ฉันจะลองบินเข้าไปหาพวกเขา นกผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น หากเขาจะจิกให้ตาย ก็จะยอม เพราะฉันน่าเกลียดนัก แต่ยังกล้า เข้าไปใกล้พวกเขาอีก แต่ไม่เป็น ไรหรอก ถูกนกพวกนี้ฆ่าตายเสียยังดีกว่าอยู่อย่างขมขื่น ให้ฝูงเป็ดมาเย้ยไยไพ หรือปล่อย ให้แม่ไก่จิก แถมยังถูกเด็กเลี้ยงไก่ทุบตีเอาอีก หรือไม่ก็อยู่อย่างทรมานในหน้าหนาว "


คิดดังนั้นเป็ดน้อยก็บินลงไปในน้ำว่ายตรงไปยังฝูงหงส์อันสวยงามนั้น  เมื่อหงส์พวกนั้นหันมาเห็น ต่างก็รีบว่ายน้ำเข้ามาหาแล้วไซ้ขนให้ "ฆ่าผมให้ตายเถอะครับ " เจ้าสัตว์ที่น่าสงสารครวญคราง พลางก้มหัวไปยังผิวน้ำเพื่อรอความตาย แต่นั่นอะไรนั่น ที่ปรากฏ แก่สายตาของเขาในเงาน้ำ ในน้ำนั้นสะท้อนเงาของตัวเอง แต่มันกลับไม่ใช่ ตัวเขาที่เคยเงอะงะ ตัวเขาที่เคยมีขนสีเทาๆ ช่างน่า เกลียดและน่าขมขื่นอะไรอย่างนั้น เขาเองก็คือ "หงส์" เหมือนกัน "เกิดมาในเล้าเป็ดก็ไม่เป็นไร หากไข่ ที่วางอยู่นั้นเป็นไข่หงส์" เป็ดน้อยรู้สึกสุขใจกับความทุกข์ยากลำบากที่เคยพานพบมา ในอดีต และเมื่อได้มาลิ้มรส แห่งความสุขและความงามที่ต้อนรับอยู่นี้ก็ยิ่งสุขใจมากขึ้น และแล้วหงส์สวยงามทั้งฝูงต่าง ว่ายน้ำมารายรอบเขาเอาไว้ และไซ้เขาด้วยจะงอยปาก

เด็ก ๆ ที่เข้ามาเที่ยวในสวน โยนขนมปังและเมล็ดพืชให้ เด็กคนเล็กที่สุด ตะโกนบอก
"ดูนั่น...สมาชิกใหม่ ! " เด็กคนอื่น ๆ ได้ยินต่างก็รุมล้อมเข้ามาดูอย่างดีใจ " ใช่แล้วสมาชิกใหม่ ! " แล้วเด็ก ๆ ก็พากันตบมือเต้นไปรอบ ๆ และ วิ่งไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง บรรดาฝูงหงส์ต่างได้กินขนมเค็กและขนมปังมากมายที่พวกเด็ก ๆ พากันโยนลงมาให้ในน้ำพลางพูดว่า "ตัวใหม่สวยที่สุดเลย ทั้งหนุ่ม ทั้งน่ารัก " บรรดาหงส์ที่มีอายุมากต่างก้มหัวให้กับเขา หงส์หนุ่มรู้สึกเขินจนต้องซุกหัวซ่อนไว้ใต้ปีก อย่างไม่รู้เหตุผลว่า เป็นเพราะด้วยเหตุใด เขารู้เพียงว่าเขามี ความสุขมาก แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจแต่อย่างใด ผู้มีจิตใจงดงาม จะต้องไม่รู้สึกหยิ่งยะโส เขาครุ่นคิดถึงยามที่ถูกกลั่นแกล้งและได้รับการเย้ยหยัน แต่ตอนนี้เสียงที่ได้ยินกลับเป็นว่าเขาสวยที่สุด ที่สุดกว่าหงส์ทั้งหลาย  พระอาทิตย์ก็ส่องแสงต้อนรับ เขากระพือขน ชูคอระหง และจากส่วนลึกของหัวใจเหมือนดัง จะบอกว่า " เมื่อครั้งยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อยู่นั้น ผมไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะมีความสุข ได้ถึงเพียงนี้ ! "

ข้อคิดของนิทานเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า... แม้จะอ่อนแอมากมายเพียงใด ถ้าเชื่อในอำนาจของพระเจ้า
จงอย่าท้อถอย...มีชีวิต อยู่ให้จงได้ แล้วสักวันความสุขก็จะมาถึง....เชื่อสิ...

คัดลอกเนื้อหานิทานบางช่วงบางตอนจาก :  http://sukumal.brinkster.net