กาลครั้งหนี่งนานมาแล้ว เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในป่าแห่งหนึ่ง
บรรดาผู้คนและเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันวิ่งหนีเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ นกเค้าแมวก็กำลังบินหนีเช่นกัน
ในขณะที่นกเค้าแมวกำลังบินอยู่นั้น
นกเค้าแมวเหลือบไปเห็นนกน้อยตัวหนึ่งบินกลับไปยังจุดที่มีไฟไหม้ป่า นกเค้าแมวรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
จึงหยุดยืนเกาะที่กิ่งไม้ๆ หนึ่ง เพื่อจะเฝ้าดูด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าทำไมนกน้อยตัวนั้น
จึงบินตรงไปยังจุดที่ไฟกำลังไหม้อยู่
นกเค้าแมวยังได้สังเกตุเห็นอีกว่า
นกน้อยตัวนั้นบินด้วยความเร่งรีบกลับไปกลับมาระหว่างแม่น้ำใกล้ๆ
บริเวณนั้นกับจุดที่ไฟไหม้ ด้วยความสงสัย
นกเค้าแมวจึงบินตรงไปยังนกน้อยตัวนั้นทันที
เมื่อบินเข้าไปใกล้
นกเค้าแมวจึงได้เห็นว่าที่นกน้อยตัวนั้นบินไปที่แม่น้ำ
ก็เพื่อไปอมน้ำใส่ปากแล้วบินกลับไปยังจุดที่ไฟไหม้ และบ้วนหยดน้ำอันน้อยนิดนั้นลงไปในกองไฟ
นกเค้าแมวเห็นดังนั้น จึงบินขยับเข้าไปใกล้นกน้อยตัวนั้นอีก และถามขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
"นั่นเธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ? เธอโง่รึเปล่านะนั่น ที่กำลังจะดับไฟป่าด้วยวิธีการเช่นนั้นน่ะ อันที่จริง เธอน่าที่จะหนีเพื่อเอาชีวิตรอดดีกว่านะ"
นกน้อยได้ฟังดังนั้น ก็หยุดบินชั่วขณะและหันไปมองที่นกเค้าแมวและตอบว่า
"ฉันคิดว่าฉันจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้"
นกเค้าแมวชอบใจความคิดของนกน้อยนี้ นกเค้าแมวจึงตัดสินใจช่วยนกน้อยอีกแรง และแล้วในที่สุดบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ และผู้คนทั้งหลาย ก็เข้ามาร่วมมือกันดับไฟป่าในครั้งนี้
จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ทุกคนยังจำได้ดีถึงวีรกรรมของนกน้อย นกเค้าแมว และบรรดาสัตว์และผู้คนมากมายที่ร่วมมือกันดับไฟป่าได้สำเร็จ
พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เมื่อเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันและร่วมมือกันทำในสิ่งนั้นๆ เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จและบรรลุถึงเป้าหมายได้ในที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า "การทำงานเป็นทีม คือ เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ" จริงๆ
No comments:
Post a Comment