...นิทานเรื่องนี้เขาต้องการเน้นถึงการผจญภัยและการเจริญเติบโตอย่างน่าสงสาร
ของไข่หงส์ใบหนึ่งที่เคราะห์ร้ายพัดหลงเข้าไปอยู่ในเล้าเป็ดที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของมัน
ผลเลยต้องกลายมาเป็น"ลูกเป็ดขี้เหร่ "อย่างที่ว่า....
ภูมิทัศน์ชนบทเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก
ขณะนี้กำลังย่างจะเข้าฤดูร้อน ข้าวสาลีก็กำลังออกรวงเหลืองอร่าม
แสงแดดสาดส่องบ้านหลังเก่าแสน สวยที่มีคูลึกล้อมรอบจากกำแพงลึกลงไปในน้ำ
และที่กอไม้นี้เองได้มี แม่เป็ดนั่งกกไข่อยู่ในรังของมัน
ซึ่งไข่พวกนี้ก็ถึงเวลาที่จะแตกออกมา เป็นเป็ดตัวน้อย ๆ
และวันนี้แม่เป็ดคิดว่าน่าจะกกพอแล้ว เพราะก็กกมานานมากจนไม่ค่อยจะมีใครคิดที่จะมาหา
เพราะเป็ดตัวอื่น ๆ นั้นมักชอบที่จะไปว่ายน้ำเล่น มากกว่าที่จะเข้ามาคุยกับแม่เป็ดนั่นเอง...
ในที่สุดไข่เป็ดก็แตกฟองออกมาเป็นลูกเป็ด ตัวน้อยที่น่ารัก
" จิ๊บ จิ๊บ " ลูกเป็ดส่งเสียงร้องเมื่อพวกมันได้โผล่หัวออกมาจากไข่
" ก้าบ ก้าบ ก้าบ " แม่เป็ดร้อง
ลูกเป็ด ทั้งฝูงก็ร้องเลียนแบบขานรับ ก้าบ ก้าบ แล้วมองไปรอบๆอย่างตกใจ "โอ..โลกภายนอกช่างใหญ่โตเสียจริง ! " ลูกเป็ดพากันร้องขึ้น
เพราะ เพิ่งได้เห็นที่ว่างมากกว่าเมื่อเวลาที่พวกมันอยู่ในเปลือกไข่เป็นไหน ๆ
" ลูกคิดว่าโลกทั้งโลก มีเพียงเท่านี้หรือจ๊ะ " แม่เป็ดถามด้วยความเอ็นดู
" มันกว้างไกลไปจน ถึงท้าย สวนโน่นแน่ะ
แต่แม่เองยังไปไม่ถึงหรอกนะจ๊ะ เอาหละ มาครบทุกตัวแล้ว ใช่ไหม ? "
พูดพลางแม่เป็ดก็ลุกขึ้น " แต่ว่าลูกแม่ยังออกมาไม่หมดนี่
ไข่ใบโต ที่สุดยังไม่แตกอีกแน่ะ แล้วจะมานอนนานแค่ไหนกันนะ แม่ชักจะเหนื่อยแล้วนา
"
แม่เป็ดบ่นพลางแต่ก็ก้มลงฟักไข่ใบใหญ่ใบนั้นต่อไป
แล้วในที่สุดไข่ใบใหญ่ก็แตกออกมา "จิ๊บ จิ๊บ " ลูกตัวน้อยส่งเสียงร้อง
เรียก พลางดิ้นกระดุกกระดิกออกมาจากเปลือกไข่ มันตัวโต และดูน่าเกลียดเชียว แม่เป็ดจ้องดู
"
ตอนนี้ออกมาเป็นลูกเป็ดตัวโค่งกว่าใครเขา " แม่เป็ดเย้า
"
ตัวอื่น ๆ เขาไม่เห็นเหมือนอย่างนี้เลย รึว่าจะเป็นลูกไก่งวงจริง ๆ
ซะแล้ว ไว้คอยดูตอนลงน้ำ ก็คงจะรู้ความจริงกันถ้าไม่ลงละก็จะเตะให้น่าดูเชียว
"
วันต่อมาเป็นวันที่อากาศดีเหลือเกิน
พระอาทิตย์สาดส่องแสงจ้าสว่างไสว แม่เป็ดจึงพาลูก ๆ มายังริมบึง
นางกระโดดลงน้ำเสียงดัง " ตูม " นำหน้าลูก ๆ พลางร้องเรียก" ก้าบ
ก้าบ " ลูกเป็ดแต่ละตัวต่างกระโดดลงน้ำมันจมหัวลงน้ำ แล้วโผล่ขึ้นมาใหม่
ทุกตัวลอยคอว่ายอย่างสวยงาม ต่างใช้เท้ากระพุ้งน้ำเล่นอย่างสบายใจ
และแม้แต่เจ้าลูกเป็ดขี้เหร่สีเทาตัวนั้นก็ยังลงเล่นว่ายน้ำด้วย
ลูกเป็ดขี้เหร่อาภัพที่ออกจากไข่มาหลังสุดนี่สิ
ขี่เหร่เหลือใจ ทั้งถูกจิก ถูกผลัก และถูกค่อนแคะจากพวกเป็ดไก่ทั้งหลาย
"มันตัวโตเกินไป" ทุกตัวพูด ลูกเป็ดที่น่าสงสารไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร
มันเวทนาตัวเองเป็นที่สุด ที่มัน ช่างตัวโตน่าเกลียดจนกลายเป็นตัวตลกสำหรับใคร ๆ
ในลานเป็ดไปโดยปริยาย วันแรกก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่วันต่อ ๆ ไปก็ยิ่งร้ายขึ้นทุกที ทุกตัวตามล่าลูกเป็ดที่น่าสงสาร
แม้กระทั่งพวกพี่ ๆ ของมันเองก็ข่มขู่มัน พากันพูดตลอดเวลา ว่า " ขอให้แมวมันคาบเอาไปกินเสียเถิด...เจ้าตัวยุ่ง " และในที่สุดแม้แต่แม่ของมันเอง
ก็ยังพูดว่า
" ไปให้พ้นหูพ้นตาฉัน เถิดไป๊"
เป็ดก็ไล่จิกมัน ไก่ก็ไล่ตีมัน และแม้แต่เด็กเลี้ยงเป็ดไก่ก็ยังจะเตะมันเล่นอีกเสียด้วย...
ลูกเป็ดขี่เหร่อาภัพสุดที่จะทนต่อไปได้อีกแล้ว
มันตัดสินใจเดินหนี โดยเดินข้ามแนวป่าไป ทำให้พวกนกเล็ก ๆ ในพุ่มไม้ถึงกับตกใจผวา " พวก เขา ตกใจเพราะฉันขี้ริ้วขี้เหร่นี่เอง " ลูกเป็ดหลับตาลงทั้ง
ๆ ที่กำลังวิ่งหนี.. มันวิ่งและวิ่งมาจนถึงบึงใหญ่บึงหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีพวกเป็ดป่าอาศัยอยู่
และนอนอยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืนด้วยความเหน็ดเหนื่อยและเศร้าโศกเสียใจ กับชีวิตอันน่าท้อแท้นี้ยิ่งนัก
ในรุ่งเช้าเมื่อฝูงเป็ดป่าตื่นขึ้นมา
พวกมันต่างกรูกันเข้ามาดูสมาชิกใหม่
" เธอเป็นเป็ด พันธุ์ไหนกันล่ะฮึ " ต่างพากันเอ่ยปากถาม ลูกเป็ดหันมองไปที่เป็ดตัวโน้นทีตัวนี้ที เป็นการทักทายอย่างสุภาพที่สุด
" แกนี่มันน่าเกลียดพิลึก " เป็ดป่าเอ่ยปาก
" แต่ก็ ไม่ต่างไปจากพวกเรานักหรอก
แต่อย่าเผลอมาแต่งงานกับพวกเราได้เป็นพอ "
น่าสงสาร เพราะลูกเป็ดขี้เหร่ไม่ได้นึกถึงเรื่องแต่งงานเลยสักนิด
สิ่งที่ปรารถนาสูงสุด ขณะนี้หรือก็คือ ขอให้มีฝูงอยู่
มีที่นอนที่กินและอยู่ใกล้ๆกับแหล่งน้ำเพียงเท่านั้นก็เป็นพอสำหรับชีวิตอันน่าสงสารนี้
แต่แล้วพออยู่ที่นั่นได้แค่สองสามวันอยู่
ๆ ก็เกิดเสียงดัง
" ปัง ! ปัง ! " เป็นเสียงปืนดังแหวกอากาศมาเหนือหัว
แล้วเป็ดป่าตัวหนึ่งก็ตกลง มานอนสลบแน่นิ่งอยู่ในบึง..มันตายทันที
ทำให้น้ำในบึงมีสีแดงไปด้วยเลือด ปัง ! ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
แล้วตามมาติด ๆ อีกสองนัด ทำให้ฝูงเป็ดป่าบินหนีแตกฝูงกัน ให้จ้าละหวั่น
ต่อมาก็มีเสียงดังไล่หลังมาอีก ทีนี้เป็นการล่าสัตว์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยบรรดานักล่า สัตว์ทั้งหลาย
ซึ่งเริ่มขึ้นแล้ว... เหล่าสุนัขล่าเนื้อพากันวิ่งเห่ากรรโชกลุยน้ำอยู่ในโคลน จ๋อม
จ๋อม พงอ้อป่ากกถูกแหวกราบออกเป็นทาง ลูกเป็ดขี้เหร่ที่น่าสงสารตกใจกลัวจนตัวสั่น
มันเอาหัวซุกลงที่ใต้ปีกด้วยความหวาดกลัวในขณะที่
มันต้องเผชิญหน้ากับสุนัขตัวใหญ่ที่มีดวงตาวาวดูน่ากลัวยิ่งนัก มันแยกเขี้ยวหมายจะ
ขย้ำหัวของลูกเป็ดขี้เหร่ แต่เจ้าสุนัขล่าเนื้อตัวนั้นเมื่อมองเห็นว่าเป็นแค่ลูกเป็ดมันก็ก้าวย่ำลงโคลน
จ๋อม...ผ่านเลยไป โดยไม่ได้แตะต้องอะไรลูกเป็ดตัวน้อย แล้วมันก็วิ่งไปหาเจ้านายของมัน
" โอ้ สวรรค์โปรด ! "
ลูกเป็ดถอนหายใจอย่างโล่งอก
" นี่ฉันมันคง น่าเกลียดเอาการ
แม้แต่หมามันยังไม่อยากจะกัดฉันเลย " ลูกเป็ดที่น่าสงสารนอน
คิดนิ่งเงียบ
ฤดูใบไม้ร่วง
ใบไม้กลายสีเป็นสีทองและน้ำตาลตลอดทั้งราวป่า เมฆทุกก้อนดูจะอุ้ม น้ำหนักที่อวลไปด้วยลูกเห็บและหิมะ
เจ้าเป็ดที่น่าสงสารรู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง เพราะมัน ต้องอยู่ตัวเดียว และว้าเหว่
ในเย็นวันหนึ่งขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ฝูงนก ที่สวยงามกำลังออกจาก
พุ่มไม้ ลูกเป็ดไม่เคยเห็นนกไหนจะสวยเท่านี้มาก่อน พวกนก เหล่านั้นคือหงส์
แต่ละตัวสวยสง่า สีขาวนวล ขนเป็นเงามันวาว วับ มีคอยาวนุ่มนวลยาม ส่งเสียงร้องฟังแล้วประหลาดนัก
แต่ละตัวจะกางปีกกว้าง บินจากท้องทุ่งอันหนาวเย็น ไปยังดินแดน
อันอบอุ่นและท้องทะเลกว้าง บรรดาฝูงหงส์ต่างบินสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ในอากาศ สูงจนเป็ดน้อยฉงน
มันพยายามชูคอสูงให้สูงขึ้นไปในอากาศตามอย่างนกสวยฝูงนั้น
พยายามเปล่งเสียงประหลาด ๆออกมาที่ฟังแล้วแม้แต่ตัวเอง
ยังตระหนกเขาจะไม่มีวัน ลืมนกฝูงนั้นเป็นอันขาดเพราะพวกเขาดูช่างมีความสุขอย่างเหลือเกิน
เมื่อนกสวยเหล่านั้นบินไปจนลับสายตา
ลูกเป็ดขี้เหร่ดำลึกลงไปใต้น้ำ ผุดขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นใครนอกจากตัวเอง เขาไม่รู้ว่านกพวกนั้นชื่ออะไร
และพากันบินไปที่แห่งไหน นึกชอบนกพวกนั้นขึ้นมาครามครันอย่างไม่เคยรู้สึกชอบนกพันธุ์ใดได้มากเท่านี้มาก่อน
เขาเองวาดหวังไว้ลึก ๆ บ้างว่าอยากให้ตัวเองน่ารักอย่างนั้นบ้าง และเขาก็คงสุขไม่น้อยหากพวกเป็ดใจกว้างยอมรับเขาได้ท่ามกลางหมู่เป็ดด้วยกัน
อนิจจาลูกเป็ดขี้เหร่เอ๋ย...
ฤดูหนาวช่างหนาวเหลือเกิน ลูกเป็ดจำใจต้องเคลื่อนไหวด้วยการว่ายน้ำเพื่อไม่ให้แข็งเป็นน้ำแข็ง
ทว่าแต่ละคืน บริเวณที่เขาใช้ว่ายน้ำดูเหมือนจะแคบลง ๆ ทุกที ครั้นพอนาน
ๆเข้ามันก็เหนื่อยล้า ได้แต่หยุดอยู่นิ่ง ๆ และจับตัวเย็นแข็งทื่ออยู่บนแผ่นน้ำแข็งนั้น
โอ้ พระเจ้า..เขาจะต้องตายด้วยหรือนี่!
แต่เหมือนพระเจ้าได้เอื้อมมือเข้ามาช่วย
เพราะในรุ่งเช้าได้มีคนตัดไม้คนหนึ่งเผอิญเดิน ผ่านมาทางนั้น
เขานึกสงสารจึงไปกระทุ้งให้น้ำแข็งแตกด้วยรองเท้าไม้ แล้วอุ้มเอาลูกเป็ดที่น่าสงสารกลับไปให้เมียของเขาที่บ้านและจึงด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ลูกเป็ดขี่เหร่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
เด็ก ๆ ที่เป็นลูก ๆ ของคนตัดไม้ผู้นั้นชอบเข้ามาเล่นกับลูกเป็ดเพราะนึกเอ็นดูมัน
แต่ลูกเป็ดกลับคิดว่า พวกเด็กๆจะเข้ามาทำร้าย จึงตกใจถลาบินไปจากจานนม เป็นผลทำให้อาหารบนโต๊ะตกลงมาหกกระจายไปทั่วห้อง
ภรรยาของเจ้าของบ้านเห็นเข้าก็ร้องเสียงดังพลางโบกมือไล่ ลูกเป็ดรีบบิน แต่บินหลง เข้าไปในหม้อเนย
และลื่นตกลงไปในถังแป้งอีก อุแม่เจ้า ! ดูสารรูปลูกเป็ดแล้ว หญิงเจ้าของบ้านกรีดเสียงร้องพลางเอาไม้กวาดไล่ตีมัน
เด็ก ๆ ก็กรูกันเข้ามาเพื่อจะช่วยกันจับด้วยความสนุกสนานและโกลาหน โชคดีที่ประตูเปิดกว้าง
เอาไว้ ลูกเป็ดจึงได้โอกาสบินหนีไปสู่ภายนอกได้อย่างรวดเร็ว
มันได้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงเล็ก
ๆที่ดูเหมือนว่าจะเป็นโพรงของพวกหนู และนอนนิ่งราวกับตาย อยู่ในที่ตรงนั้น เป็นเรื่องเศร้าเหลือเกินที่จะบรรยายถึงความทุกข์ทรมานของฤดูหนาว
อันแสนหนาวเย็นที่ลูกเป็ดตัวน้อยที่น่าสงสารได้พบพาน... มันตัดสินใจอาศัยใช้ชีวิตของมันอยู่ในโพรงของพวกหนูกลางพงต้นอ้อ
ติดธารน้ำนั่นเอง ในทุกๆวันของเวลากลางวัน มันจะออกไปหากินสาหร่าย จับพวกหอยปูปลากินประทังชีวิต
และจะใช้ใบไม้แห้งกำบังตัวของมันไว้ เพื่อช่วยให้หายหนาวในเวลากลางคืน และในบางครั้งก็ได้อาศัยพวกหนูเจ้าของโพรงช่วยแบ่งปันอาหารให้
เพื่อเพียงไม่ให้ต้องตายไปวัน ๆ เพื่อหวังและรอคอย ให้ถึงฤดูใบไม้ผลิที่จะมาเยือนอีกครั้งอย่างอดทน....
และแล้วเมื่อหิมะละลายหายไป
แสงแดดกลับมาเยือนอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ โลกกลับสวยงามขึ้นมาอีกครั้ง
นาทีนั้นลูกเป็ดขี้เหร่ยกปีกกระพือขึ้น รู้สึกว่ามันกลับมีพลังมากกว่าก่อน มีแรงบินไปได้ไกลไปถึงที่ไหน
ๆ และ กว่าที่เขาจะรู้สึกตัว ก็บินมาถึงสวนขนาดใหญ่ ที่ซึ่งแอ็ปเปิ้ล
ออกดอกบานเต็มต้น ดอกไลแลคส่งกลิ่นหอม โน้มกิ่งสีเขียวของมันให้ย้อยไปบนลำธารน้ำที่คดเคี้ยว
อากาศในฤดูใบไม้ผลิช่างสดชื่น และข้างหน้านั้นเองมีหงส์สวยงามสามตัวกำลังไซ้ ขนลอยละล่องอยู่บนผิวน้ำอย่างนุ่มนวลชวน
ลูกเป็ดจำภาพหมู่นกที่สวยงามนั้นได้ ไม่ลืมเลือน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด
"
ฉันจะลองบินเข้าไปหาพวกเขา นกผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น
หากเขาจะจิกให้ตาย ก็จะยอม เพราะฉันน่าเกลียดนัก แต่ยังกล้า เข้าไปใกล้พวกเขาอีก
แต่ไม่เป็น ไรหรอก ถูกนกพวกนี้ฆ่าตายเสียยังดีกว่าอยู่อย่างขมขื่น
ให้ฝูงเป็ดมาเย้ยไยไพ หรือปล่อย ให้แม่ไก่จิก แถมยังถูกเด็กเลี้ยงไก่ทุบตีเอาอีก
หรือไม่ก็อยู่อย่างทรมานในหน้าหนาว "
คิดดังนั้นเป็ดน้อยก็บินลงไปในน้ำว่ายตรงไปยังฝูงหงส์อันสวยงามนั้น
เมื่อหงส์พวกนั้นหันมาเห็น ต่างก็รีบว่ายน้ำเข้ามาหาแล้วไซ้ขนให้
"ฆ่าผมให้ตายเถอะครับ " เจ้าสัตว์ที่น่าสงสารครวญคราง
พลางก้มหัวไปยังผิวน้ำเพื่อรอความตาย แต่นั่นอะไรนั่น ที่ปรากฏ
แก่สายตาของเขาในเงาน้ำ ในน้ำนั้นสะท้อนเงาของตัวเอง แต่มันกลับไม่ใช่ ตัวเขาที่เคยเงอะงะ
ตัวเขาที่เคยมีขนสีเทาๆ ช่างน่า เกลียดและน่าขมขื่นอะไรอย่างนั้น เขาเองก็คือ "หงส์" เหมือนกัน "เกิดมาในเล้าเป็ดก็ไม่เป็นไร
หากไข่ ที่วางอยู่นั้นเป็นไข่หงส์" เป็ดน้อยรู้สึกสุขใจกับความทุกข์ยากลำบากที่เคยพานพบมา
ในอดีต และเมื่อได้มาลิ้มรส แห่งความสุขและความงามที่ต้อนรับอยู่นี้ก็ยิ่งสุขใจมากขึ้น
และแล้วหงส์สวยงามทั้งฝูงต่าง ว่ายน้ำมารายรอบเขาเอาไว้ และไซ้เขาด้วยจะงอยปาก
เด็ก ๆ
ที่เข้ามาเที่ยวในสวน โยนขนมปังและเมล็ดพืชให้ เด็กคนเล็กที่สุด ตะโกนบอก
"ดูนั่น...สมาชิกใหม่ ! " เด็กคนอื่น
ๆ ได้ยินต่างก็รุมล้อมเข้ามาดูอย่างดีใจ " ใช่แล้วสมาชิกใหม่
! " แล้วเด็ก ๆ ก็พากันตบมือเต้นไปรอบ ๆ และ วิ่งไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง
บรรดาฝูงหงส์ต่างได้กินขนมเค็กและขนมปังมากมายที่พวกเด็ก ๆ
พากันโยนลงมาให้ในน้ำพลางพูดว่า "ตัวใหม่สวยที่สุดเลย
ทั้งหนุ่ม ทั้งน่ารัก " บรรดาหงส์ที่มีอายุมากต่างก้มหัวให้กับเขา
หงส์หนุ่มรู้สึกเขินจนต้องซุกหัวซ่อนไว้ใต้ปีก อย่างไม่รู้เหตุผลว่า
เป็นเพราะด้วยเหตุใด เขารู้เพียงว่าเขามี ความสุขมาก
แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจแต่อย่างใด ผู้มีจิตใจงดงาม จะต้องไม่รู้สึกหยิ่งยะโส
เขาครุ่นคิดถึงยามที่ถูกกลั่นแกล้งและได้รับการเย้ยหยัน แต่ตอนนี้เสียงที่ได้ยินกลับเป็นว่าเขาสวยที่สุด
ที่สุดกว่าหงส์ทั้งหลาย พระอาทิตย์ก็ส่องแสงต้อนรับ
เขากระพือขน ชูคอระหง และจากส่วนลึกของหัวใจเหมือนดัง จะบอกว่า " เมื่อครั้งยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อยู่นั้น ผมไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะมีความสุข
ได้ถึงเพียงนี้ ! "
ข้อคิดของนิทานเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า...
แม้จะอ่อนแอมากมายเพียงใด ถ้าเชื่อในอำนาจของพระเจ้า
จงอย่าท้อถอย...มีชีวิต อยู่ให้จงได้ แล้วสักวันความสุขก็จะมาถึง....เชื่อสิ...
คัดลอกเนื้อหานิทานบางช่วงบางตอนจาก
: http://sukumal.brinkster.net