Monday, December 31, 2012

จระเข้อกตัญญู



               บริเวณชายป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่มีช้างน้อยตัวนึงกำลังเดินเล่นกินลมอยู่ตามลำพัง และแล้วก็ได้ยินเสียง 

               "ช่วยด้วย ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยฉันที" 

                ช้างน้อยค่อย ๆ เดินตามเสียงนั้นมา จนพบต้นเสียงนั้น ก็เจ้าจระเข้นั่นเอง หางของจระเข้ถูกต้นซุงทับอยู่มันพยายามดิ้นให้หลุดก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ จึงขอร้องช้างน้อยให้เอางวงลากซุงออก เมื่อช้างน้อยลากซุงออกมาได้จระเข้ก็พูดว่า

               "เจ้านี่เก่งจริง ๆ นะ นอกจากเก่ง เจ้ายังตัวใหญ่น่าอร่อยอีกด้วยนะ"  

                ช้างน้อยเริ่มตกใจเจ้าจระเข้จึงงับขาของช้างที่ไม่ทันตั้งตัว

       
"เจ้าจระเข้อกตัญญู ทำไมเจ้าทำกับข้าแบบนี้ ช่วยด้วย ช่วยด้วย เจ้าจระเข้นิสัยไม่ดี" 


                 หลังจากนั้นเอง หนูหริ่งก็เดินผ่านมาพอดีและเห็นช้างน้อยร้องขอความช่วยเหลือจึงเข้าไปช่วย  หนูหริ่งพูดว่าจะช่วยตัดสินให้อย่างยุติธรรม ขอให้ทั้งสองแสดงเหตุการณ์ใหม่เอาเหตุการณ์ตั้งแต่แรก หนูหริ่งจะพิจารณาอย่างละเอียด

                  จระเข้จึงบอกช้างน้อยให้เอาซุงมาทับหางจระเข้ ช้างน้อยก็เลยเอาท่อนซุงมาทับหางจระเข้ และก็บอกหนูหริ่งดูให้ดี ๆ นะ ว่าข้านี่แหละที่เป็นคนช่วยจระเข้ ช้างน้อยกำลังจะเอาท่อนซุงออก หนูหริ่งบอกว่า หยุด ๆ ในเมื่อเจ้าจระเข้นิสัยไม่ดี เมื่อช่วยแล้วจะจับเจ้ากิน ทำไมเจ้าจะไปช่วยอีก มันไม่รู้จักบุญคุณ

        
จริงสินะแล้วฉันจะช่วยจระเข้ทำไม ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว ช้างน้อยจึงบอกกับหนูหริ่งว่าเรากลับกันเถอะ ปล่อยให้จระเข้รับชะตากรรมของมันไป

        
และจระเข้ก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด และไม่มีสัตว์ตัวใดเลยเข้ามาช่วย เพราะพวกมันรู้แล้วว่าจระเข้นิสัยไม่ดี และก็ไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับจระเข้อีกด้วย

แหล่งที่มา  กระปุกดอทคอม / นิทานก่อนนอน

Saturday, December 29, 2012

ลูกกวางน้อยกับจระเข้



          นานมาแล้วในป่าใหญ่แห่งแอฟริกา มีจระเข้ใจร้ายตัวหนึ่งอาศัยอยู่ร่วมกับฝูงที่แม่น้ำสายกว้างใหญ่ เจ้าจระเข้ร้ายคอยจ้องจับลูกกวางน้อยตัวหนึ่งกินมานานแล้วแต่ก็จับไม่ได้สักที เพราะเจ้าลูกกวางตัวนี้ฉลาดเฉลียวและว่องไวอย่าบอกใคร

          จนมาวันหนึ่ง ลูกกวางอยากจะข้ามแม่น้ำสายนี้ไปเพื่อกินหญ้าอ่อนเพิ่งขึ้นใหม่ ๆ ที่ทุ่งหญ้าอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ กวางน้อยรู้ดีว่าในแม่น้ำมีจระเข้อาศัยอยู่ และมันก็ไม่รู้ว่าจะผ่านเจ้าจระเข้ร้ายนี้ไปได้อย่างไร เจ้าลูกกวางพยายามครุ่นคิดอย่างหนักจนคิดแผนดีๆ ขึ้นมาได้ในที่สุด


          กวางน้อยเดินไปริมฝั่งแม่น้ำแล้วก็ตะโกนเรียกจระเข้ด้วยเสียงดังที่สุดเท่าที่มันจะตะโกนได้ เจ้าจระเข้ได้ยินเสียงก็รีบโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำทันทีด้วยความอยากกิน "แหม แหม เจ้าลูกกวางน้อยกระดูกอ่อน วันนี้เจ้าช่างใจกล้านักที่มาร้องเรียกข้า เจ้าไม่กลัวข้าจะลากเจ้าไปกินแล้วเรอะ"

          ลูกกวางน้อยแกล้งทำเป็นตัวสั่นด้วยความกลัว ดัดเสียงให้สั่นเครือแล้วพูดว่า "ข้าได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าป่า ให้มานับจำนวนจระเข้ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ เพื่อเชิญไปงานเลี้ยงใหญ่ค่ำวันนี้น่ะ ท่านช่วยบอกให้เพื่อน ๆ ของท่านลอยตัวขึ้นมาเรียงต่อกันให้ครบทุกตัวนะ ข้าจะได้นับได้ถูกต้องครบถ้วนเดี๋ยวจัดอาหารไม่พอล่ะก็ข้าจะโดนท่านเจ้าป่าทำโทษเอาได้  อ้อ!! แล้วพวกท่านอย่าได้คิดกินข้าเชียวนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็พวกท่านทั้งหมดจะต้องอดไปงานเลี้ยงแน่ ๆ"  พวกจระเข้หลงเชื่อพากันเรียกพวกพ้องขึ้นมาลอยตัวเรียงกันทอดเป็นแถวยาวจาก ฝั่งแม่น้ำด้านนี้ไปจนถึงฝั่งแม่น้ำด้านตรงข้ามเลยทีเดียว

เจ้าลูกกวางมองเห็นสะพานทอดตัวพร้อมให้ข้ามไปแล้ว ก็กระโดดไปบนหลังของจระเข้ทีละตัว แล้วก็ตะโกนนับไปด้วยดัง ๆ ว่า "ตัวที่ 1,  ตัวที่ 2, ตัวที่ 3 .......ตัวที่ 24 จนกระทั่งมันขึ้นไปบนฝั่งด้านตรงข้ามได้สำเร็จตามแผน เจ้าลูกกวางน้อยก็หันหลังกลับมาหัวเราะยั่วเย้าฝูงจระเข้ว่า "ขอบใจนะจ๊ะลุงจระเข้ทั้ง 24 ตัว ที่ใจดีช่วยเป็นสะพานให้ข้าข้ามแม่น้ำได้สบาย ๆ แถมยังไม่ต้องถูกกินด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

          ฝ่ายจระเข้ทั้งหลายเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกก็หัวเสียมาก ๆ ฟาดหัวฟาดหางไปมาจนน้ำกระจาย และตำหนิเจ้าจระเข้ใจร้ายตัวนั้นที่เป็นต้นเหตุทำให้เพื่อน ๆ เสียหน้าเสียรู้ให้แก่กวางน้อย


แหล่งที่มา  กระปุกดอทคอม / KARN.TV

Wednesday, December 26, 2012

ลูกหมีผจญภัย




กาลครั้งหนึ่ง มีลูกหมีแสนซน
วันหนึ่งลูกหมีหนีแม่ออกไปเที่ยวนอกถ้ำ
ลูกหมีเดินไปเรื่อย ๆ บ้างก็ชมนกชมไม้ในป่า
ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ลูกหมีเหลือบไปเห็นรังผึ้ง อยู่บนต้นไม้ใหญ่ 


ลูกหมีดีใจมากที่วันนี้จะได้กินน้ำผึ้งหวานจับใจ
มันจึงรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ทันที
พอไปถึงรังผึ้ง ก็ใช้มือดึงรวงผึ้งมา หมายจะดูดกินน้ำหวาน

ฝ่ายผึ้งเจ้าของรังเห็นศัตรูมาบุกรุก ทำลายบ้านของตนเอง
ก็พาหันบินเข้าโจมตีกันเป็นพัลวัน
ลูกหมีไม่ทันรู้ตัว
ก็โดนทหารผึ้งต่อย จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น พลัดตกลงจากกิ่งไม้
ได้รับความเจ็บปวด ร้องโอดโอย วิ่งไปหาแม่

แม่หมีพอเห็นลูกหมีก็รู้ถึงเหตุการณ์โดยตลอด
เพราะจมูกของลูกหมีโดนผึ้งต่อย เสียจนบวมปูด เป็นลูกโป่ง 


แม่หมีจึงสอนลูกหมีว่า ...
คราวต่อไป ถ้าไปเจอรวงผึ้งให้ปีนขึ้นไปหาทำเลที่นั่งให้เหมาะ
ใช้มือหนึ่งปัดตัวผึ้งที่จะมาต่อยออก และปิดจมูกไว้
ส่วนมือหนึ่งหยิบรวงผึ้งมาดูดกิน
ตั้งแต่นั้นมา ลูกหมีก็ไม่โดนผึ้งต่อยอีกเลย 


และในเวลากลับ ...
ลูกหมียังเอารวงผึ้งหวานมาฝากแม่หมีอีกด้วย



แหล่งที่มา  https://baby.kapook.com/view47877.html
กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/KrisWaifu/we-bare-bears/


Saturday, December 22, 2012

การแบ่งปัน


กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อน้องลูกปลา เป็นเด็กหญิงน่ารักและช่างคิด เธอเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน วันนี้คุณพ่อได้ซื้อยางลบใหม่เอี่ยมให้น้องลูกปลาก้อนหนึ่ง พร้อมทั้งกำชับทีเล่นทีจริงกับน้องลูกปลาว่า :


"หนูต้องใช้อย่างประหยัดนะลูกเพราะตลอดปีการศึกษานี้ พ่อคงไม่มีเงินซื้อให้หนูอีกแล้ว"

"ได้ค่ะ คุณพ่อ"

เด็กหญิงอายุ 7 ขวบ รับปากกับพ่อด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แต่เมื่อเวลาผ่านไปราว 8 วินาที ในใจของหนูน้อยกลับเกิดความสงสัยขึ้นมาตงิดๆ ว่าแล้วยางลบก้อนเล็กแค่นี้จะใช้ได้ถึงปีเหรอ ?

เมื่อต้องใช้ความคิด น้องลูกปลาจึงเอาอย่าง "อิกคิวซัง" ซุปเปอร์ฮีโร่ของตน ด้วยการเอานิ้วมือแตะน้ำลายเล็กน้อยก่อนวนรอบศีรษะ จากนั้นก็ทำท่าทางนั่งสมาธิอย่างมุ่งมั่น ด้วยความเป็นเด็กหัวไว ไม่นานนักน้องลูกปลาจึงสามารถเปิดประตูทางออกและพบกับแสงสว่างในที่สุด



เช้าวันรุ่งขึ้น น้องลูกปลาไปโรงเรียนตามปกติเหมือนทุกๆ วัน จะต่างกันอยู่บ้างก็ตรงวันนี้ตลอดทั้งวันจะหมั่นถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเป็นพิเศษว่า "เพื่อนๆ ทุกคน ถ้าใครเขียนผิด ก็เอายางลบของลูกปลาไปใช้ได้นะจ๊ะ" เมื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ยินดังนั้นต่างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และฉลองศรัทธาของน้องลูกปลาด้วยคำว่า

"ลูกปลาๆ ขอยืมยางลบหน่อยซิ" เมื่อยางลบถูไถกับกระดาษสีขาวมากๆ เข้า ในที่สุดยางลบที่คุณพ่อซื้อให้ก็มีอายุสั้นเพียงวันเดียว แต่น้องลูกปลากลับมีความสุขที่เห็นมันเป็นเช่นนั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น....

น้องลูกปลายังคงไปโรงเรียนตามปกติเหมือนเคย แต่จะต่างไปบ้างก็ตรงที่วันนี้ตลอดทั้งวันเพื่อนๆ จะคอยซักถามน้องลูกปลาด้วยความห่วงใยเป็นพิเศษว่า "ลูกปลาๆ ถ้าเขียนผิดก็เอายางลบของพวกเราไปใช้ได้นะจ๊ะ"

เมื่อน้องลูกปลาได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และฉลองศรัทธาเพื่อนๆ ด้วยการพูดว่า "เพื่อนๆ เราขอยืมยางลบหน่อยนะจ๊ะ" แม้ยางลบก้อนใหม่ที่คุณพ่อซื้อให้จะมีอายุสั้นเพียงวันเดียว แต่เพื่อนๆ ทุกคนก็มอบยางลบก้อนใหม่ที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหยุดให้น้องลูกปลาทดแทน

วันนี้น้องลูกปลาสอนให้รู้ว่า ถ้าอยากมีมะม่วงรับประทานนานๆ การดองหรือการแช่อิ่ม ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแล้ว หากแต่ต้องใช้วิธีแบ่งปัน เราถึงจะมีมะม่วงไว้รับประทานอย่างไม่รู้จบ

"การแบ่งปัน" จึงเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ชนิดหนึ่งที่สามารถเติบโตได้ดีเมื่อนำไปหว่านในหัวใจของผู้อื่น เราควรทำตัวเป็นผู้ให้ที่เชี่ยวชาญก่อนเป็นผู้รับที่ช่ำชอง โลกใบนี้คงน่าอยู่ไม่น้อย หากเราทุกคนจะลองทำตามวิธีของน้องลูกปลา และลองพิจารณาดูอีกทีว่า ของที่เพื่อนๆ ทุกคนมอบให้ลูกปลาเป็นสิ่งตอบแทนนั้นคืออะไรกันแน่....ระหว่าง "ยางลบ" กับ "น้ำใจ"

อย่าลืม ลองถามตัวเราเองว่าแต่ละวัน เราเคยมอบน้ำใจให้ใครบ้างหรือเปล่า เริ่มต้นที่จะรู้จักให้ เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ว่าการแบ่งปันนั้นมีความหมายยิ่งใหญ่เพียงใด


คัดบทความบางส่วน จาก บทความของ มิสขนิษฐา สุคตะ
หนังสือ อัสสัมชัญสาส์น
ศตวรรษที่ 2 ปีที่ 28 ฉบับที่ 148
เดือนกรกฎาคม - กันยายน พ.ศ. 2555




Monday, December 3, 2012

ลูกเป็ดน้อยกับพรวิเศษ 7 ประการ



          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเป็ดน้อยตัวหนึ่ง เป็นลูกเป็ดที่มีขนสีขะมุกขะมอมแลดูไม่น่ารัก เจ้าเป็ดน้อยไม่ชอบสีสันของตัวเองเลย มันอยากจะเป็นลูกเป็ดที่ดูงามสง่ามากกว่าเป็ดตัวไหน ๆ อยู่มาวันหนึ่ง มีนางฟ้าตัวจิ๋วถูกสายลมพัดปลิวมาตกที่กลางบึงบ้านของเป็ดน้อย เมื่อลูกเป็ดเห็นนางฟ้ากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก มันจึงรีบว่ายน้ำเข้าไปช่วยนางฟ้าตัวจิ๋วทันที

          เมื่อนางฟ้าตัวจิ๋วรอดพ้นจากอันตราย เธอจึงนึกอยากขอบคุณเป็ดน้อยที่มีน้ำใจให้ความช่วยเหลือ นางฟ้ามอบพรวิเศษ 7 ประการให้เจ้าเป็ดเป็นของขวัญ ซึ่งเป็ดน้อยเองก็มีความสุขมากที่มันได้รับโอกาสดี ๆ เช่นนี้

          แน่นอนสิ่งที่ลูกเป็ดปรารถนาก็คือการมีขนที่งดงามกว่าเป็ดตัวอื่น ๆ ดังนั้น เป็ดน้อยจึงอธิษฐานขอให้ขนของมันกลายเป็นสีขาวที่ดูแวววาวราวไข่มุก
          เมื่อสิ้นคำอธิษฐาน ลูกเป็ดก็กลายสภาพเป็นเป็ดขาวตัวน้อย ที่ดูน่ารักขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เจ้าเป็ดมองเงาของตัวเองในน้ำด้วยความภาคภูมิใจ มันมีความสุขเหลือเกินที่ความฝันของมันเป็นจริงขึ้นมาได้

          ในขณะนั้นเอง เจ้าลูกเป็ดนึกสนุกคิดอยากจะมีลวดลายเฉพาะตัวที่พิเศษมากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้ เป็ดน้อยจึงใช้พรวิเศษที่เหลือลองแต่งแต้มลวดลายให้ตัวเองโดดเด่นมากขึ้น
       
          ลูกเป็ดใช้พรข้อที่สอง เนรมิตให้มันมีจุดสีดำกระจายอยู่ตามตัวคล้ายกับสุนัขดัลเมเชี่ยน แต่เมื่อแปลงกายเสร็จ มันก็กลับไม่ชอบใจจุดสีดำเหล่านั้นนัก "จุดสีดำดูสกปรกจังเลย ถ้าเป็นสีที่ดูอ่อนหวานก็น่าจะดีกว่านี้อีกเยอะ" เจ้าเป็ดใช้พรข้อที่สาม เนรมิตจุดสีดำให้กลายเป็นลายดอกไม้แสนสวย แม้ลายดอกไม้จะน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม แต่สำหรับเจ้าเป็ดน้อยตัวผู้ มันก็ดูออกจะหวานแหววเกินไปสักหน่อย


        "แบบนี้คงต้องโดนล้อแน่ ๆ เปลี่ยนลายที่ดูเท่ ๆ ดีกว่า" เป็ดน้อยใช้พรข้อที่สี่ เนรมิตตัวเองให้มีขนสีเหลืองสลับกับลายจุดสีน้ำตาล คล้ายกับผิวของยีราฟ แต่ทันทีที่แปลงกายเสร็จ เป็ดน้อยกลับรู้สึกว่ามันดูแย่มากกว่าเดิมเสียอีก "ลวดลายของสัตว์สี่ขาคงไม่เข้ากับเราสักเท่าไหร่" ลองใช้ลายของพวกเดียวกันบ้างดีกว่า เจ้าเป็ดใช้พรข้อที่ห้าเนรมิต ให้ตัวเองมีขนสีเขียวแซมด้วยลวดลายคล้ายกับหางนกยูงแสนสวย แม้สีสันของหางนกยูงจะงดงามยิ่งนัก แต่มันกลับดูไม่เข้าท่าเมื่ออยู่บนตัวของเจ้าเป็ดน้อย

           "สีแบบนี้ดูแก่จังเลย เปลี่ยนเป็นสีที่ดูสดใสอีกหน่อยดีกว่า" เป็ดน้อยใช้พรข้อที่หก เนรมิตให้ตัวเองกลายเป็นเป็ดน้อยเจ็ดสีเลียนแบบสีของรุ้งกินน้ำ ลูกเป็ดสายรุ้งดูสวยสะดุดตาชนิดที่หาเป็ดตัวใดเทียบเทียมได้ยาก ซึ่งเจ้าเป็ดน้อยเองก็ชื่นชอบสีขนและลวดลายของมันในตอนนี้มากที่สุด


            ในขณะที่ลูกเป็ดกำลังชื่นชมกับขนสีรุ้งของตัวนั้น จู่ ๆ เจ้าเป็ดน้อยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คน และฝูงสุนัขวิ่งตรงมายังบึง  ซึ่งเป็นบ้านของมัน เพื่อที่จะจับลูกเป็ดแสนสวยเอาไว้ในครอบครองให้จงได้

          ลูกเป็ดตกใจมากเมื่อเห็นปืนยาวและเขี้ยวขาว ๆ ที่ดาหน้ากันเข้ามา มันจึงรีบดำผุดดำว่ายเพื่อหาที่หลบภัยอย่างไม่คิดชีวิต อนิจจา! แม้เป็ดน้อยจะพยายามหาที่ซ่อนตัวตามดงอ้อกอหญ้าสักเท่าไร แต่ด้วยสีสันที่แสนสดใสของมัน ก็ทำให้การซ่อนตัวนั้นไม่อาจจะเป็นไปได้

          ในที่สุด เจ้าเป็ดน้อยก็ค้นพบคุณค่าของขนขะมุกขะมอมที่มันเคยรังเกียจ มันตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการใช้พรข้อที่เจ็ด เนรมิตให้ตัวเองกลับกลายเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ดังเดิม แล้วรีบว่ายน้ำเข้าไปซ่อนตัวในกอกกที่รกทึบ พร้อมกับซุ่มตัวพรางตนให้กลมกลืนกับดินเลนแถว ๆ นั้น โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้าลูกเป็ด ซึ่งกำลังกลัวจนตัวสั่น และเมื่อผู้รุกรานทั้งหลายจากไป เจ้าเป็ดน้อยก็ค่อย ๆ ออกจากที่ซ่อนของมันอย่างระแวดระวังเป็นที่สุด และแล้ว...ลูกเป็ดตัวน้อยก็อยู่รอดปลอดภัย ด้วยขนที่แสนขะมุกขะมอมของมันนั่นเอง

แหล่งที่มา  กระปุกดอทคอม  / (นิทานสัตว์โลก) (KARN.TV)     
เรื่อง : นำบุญ นามเป็นบุญ ภาพ : เบ็ญจมาศ คำบุญมี