Tuesday, August 21, 2012

ดินสอ กับ ยางลบ


ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น
ทั้งคู่ไปไหนมาไหน ด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน
มันจึงเขียนทุกที่ ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบ ทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา

เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า "เรากับนายคง อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว"
ยางลบจึงถามว่า "ทำไมล่ะ"
ดินสอจึงตอบกลับไปว่า "ก็เรา เขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย"
ยางลบจึงเถียงว่า "เราทำตามหน้าที่ของ เราเราไม่ผิด"
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน

ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่ สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆ ที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรกมีแต่ รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับ ใจ

ฝ่าย ยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้อง เปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ มันคิดถึง ดินสอจับใจ

ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียน แต่สิ่งที่ดี
ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด เท่านั้น

ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ
ดินสอ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่อง ทั้งดีและไม่ดี แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆเท่านั้น

ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม
ยางลบ ในตอนแรก ก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี แต่ทุกครั้งที่ลืม ตัวมันก็จะสกปรกแต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี ซึ่งก็คือการให้อภัยนั่นเอง

ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจ มิตรภาพ คือ การจำแต่สิ่งดีๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง ที่สุดแล้ว ขอให้ทุกคน เป็นอย่างดินสอกับอย่างลบในตอนหลัง
 


Saturday, August 18, 2012

ลมและพระอาทิตย์


วันหนึ่ง ลมและพระอาทิตย์ถกเถียงกันว่าใครจะคือผู้ที่มีพลังแข็งแกร่ง น่าเชื่อถือมากกว่ากัน ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะใช้วิธีตัดสินโดยการทดสอบให้เห็นชัดว่า หากผู้ใดสามารถทำให้นักเดินทางที่เดินทางผ่านมาผู้หนึ่ง ถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออก จากตัวของเขาได้ เมื่อนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะ....

 ลมเป็นฝ่ายเริ่มแสดงก่อน มันได้รวบรวมพลังที่มีอยู่ทั้งหมด เป่าลมที่มีความเย็นรุนแรงและโหดร้ายโหมกระหน่ำ เข้าปะทะร่างของนักเดินทางผู้นั้นอย่างแรง นักเดินทางรีบกระชับเสื้อคลุม ที่เขาสวมใส่ให้แนบตัวอย่างแนบแน่นเพื่อไม่ให้มันสะบัดไปได้ตามแรงของลม

จากนั้น พระอาทิตย์ก็เริ่มฉายแสงอันเจิดจ้า แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ขับไล่เมฆ และความหนาวเย็น ไปจนหมดสิ้น นักเดินทางผู้นั้น รู้สึกเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า มากขึ้น...มากขึ้น ด้วยความร้อนเขาก็เดินต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว และ ด้วยความเหนื่อยอ่อนเขาได้ถอดเสื้อคลุมของเขาออกและขว้างทิ้งลงไปที่พื้น จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งด้วยความอ่อนเพลียเพราะเหงื่อที่ไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว

และเมื่อเขามองไปเห็นแม่น้ำและด้วยร้อนจนสุดที่จะทนทานได้ ชายผู้นั้นจึงถอดเสื้อผ้าที่เขายังมีหลงเหลืออยู่ออกทั้ง หมดแล้วกระโดดลงไปในแม่น้ำ เพื่อหวังที่จะช่วยให้ผ่อนคลายความร้อน...ดังนั้นพระอาทิตย์จึงเป็นฝ่ายชนะในการแข่งขัน ครั้งนี้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 
ทำอะไร ควรใช้หตุผล มากกว่าใช้กำลัง   หรือ   
                                                                                   การโน้มน้าว ย่อมได้ผลดีกว่า การบังคับข่มขู่

Tuesday, August 14, 2012

ความสุขของกะทิ ตอน บนโลกใบเล็ก ..


หลังจากที่กะทิเลือกที่จะไม่ส่งจดหมายถึงพ่อ.. ทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ (ในความคิดของกะทิ)
 
กะทิยังอยู่ที่บ้านริมคลองกับตาและยาย มีน้าฎา น้ากันต์ ลุงตอง และทุกๆคนอยู่รอบกาย
คอยเติมส่วนที่ขาดหายไปในหัวใจอยู่ไม่ให้แหว่ง  เว้นเสียก็แต่ พี่ทองของกะทิที่ได้ทุนไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น

แต่แล้วกะทิก็ต้องตัดสินใจอีกครั้งเมื่อได้รับจดหมายจากพ่อ ...
พ่อส่งจดหมายหากะทิเพราะต้องการให้กะทิไปช่วยน้อง (คนละแม่) ที่ป่วยเป็นโรค
กะทิตัดสินใจที่จะช่วยน้อง แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างเด็กดีเสมอไป
ความเจ็บปวดเสียใจเริ่มเกิดกับกะทิอีกครั้งหนึ่ง .. ไม่มีใครโทษใคร .. แต่กะทิโทษตัวเอง
แต่โชคดีเหลือเกิน.. ประจวบกับกะทิได้กลับมาเริ่มต้นใหม่ที่โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่
สังคมใหม่ ทำให้กะทิลืมเรื่องเศร้าไปได้บ้าง

แล้ววันที่กะทิเฝ้ารอคอยก็มาถึง พ่อมาหากะทิที่บ้านกลางเมืองของแม่
เป็นวันที่กะทิได้รู้ความจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำไมแม่ถึงหนีมา ทำไมพ่อไม่เคยติดต่อกลับ
คำถามทุกคำถามในใจของกะทิมีคำตอบแล้ว... คำตอบที่เติมช่องว่างเล็กๆ ของกะทิให้เต็มดวง
 
โลกใบเล็กของกะทิ คือ โลกที่มีความสุขได้จากสิ่งรอบๆตัว ..ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ มีมากมาย
พรั่งพร้อมทุกอย่าง กะทิมีความสุขเพราะใจของกะทิเอง..

ผู้เขียนทิ้งท้ายก่อนจบบริบูรณ์ว่า ... กะทิเชื่อว่าทุกคนมีโลกใบเล็กของตัวเอง
การใช้ชีวิตให้มีความสุขใจนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ โลกใบเล็กหลายๆใบรวมกันเป็นโลกใบใหญ่ หากล้วนมีความสุขก็คุ้มค่าเกินกว่าสิ่งใด



Sunday, August 12, 2012

กระต่ายกับเต่า


วันหนึ่ง  กระต่ายตัวหนึ่งยิ้มเยาะเต่าว่าเท้าสั้นเดินช้า  เต่าหัวเราะแล้วตอบว่า  ถึงท่านเร็วเหมือนกับลม  ถ้าวิ่งแข่งขันข้าพเจ้าจะเอาชนะท่านได้  กระต่ายเห็นว่าเต่าจะไม่วิ่งเร็วได้เหมือนดั่งที่เต่าอวดตัว  ก็รับสัญญาจะแข่งกัน แล้วนัดกันว่า จะให้สุนัขจิ้งจอกเป็นผู้เลือกทาง  แลกำหนดที่แพ้ชนะ  ครั้นถึงวันกำหนด  กระต่ายกับเต่าก็ออกเดินพร้อมกัน  เต่านั้นเดินไม่ได้หยุดสักอึดใจเดียว  ถึงก้าวช้า  แต่ฝีเท้าเสมอตรงไปจนถึงที่สุดทาง  กระต่ายนั้นเชื่อความเร็วแห่งธรรมดาของตัว  ก็ไม่สู้จะเอาใจใส่ในการที่จะแข่งขัน  ไปหน่อยนึงก็ฟุบตัวลงนอนเสียข้างทางก็เลยหลับไป  ครั้นตื่นขึ้น คิดขึ้นได้ วิ่งไปโดยเร็วเต็มกำลัง  เมื่อถึงที่หยุดก็เห็นเต่าอยู่ที่นั้นก่อนนานแล้ว

 

เชื่อเร็วแรงเรี่ยวทั้ง        เชาวน์ชาญ  เชี่ยวแฮ

แม้นประมาทมละการ     ก็ล้า

โฉดช้าอุตส่าห์หาญ        ห่อนหยุด ยั้งเฮย

ดังเต่ากระต่ายท้า          แข่งช้าชนะเร็ว

 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  :  ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จ อยู่ที่นั่น