กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กน้อยคนหนึ่ง เป็นคนที่มีความสามารถในการพับอย่างน่าอัศจรรย์
แม้ครอบครัวของเด็กน้อยคนนี้จะเป็นครอบครัวที่มีฐานะยากจน แต่ตัวเขาก็หวังว่าสักวันหนึ่ง
พรอสวรรค์น้อยๆ ของเขาจะช่วยให้พ่อแม่มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นได้บ้าง
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าชายองค์น้อยซึ่งเป็นโอรสของพระราชา ทรงนึกอยากได้ของเล่นแปลก ๆ ใหม่ ๆ เป็นของขวัยวันเกิด พระราชา ผู้เป็นพ่อ จึงป่าวประกาศให้ประชาชนนำของเล่นสุดวิเศษมาประกวดประขันกัน ซึ่งหากของเล่นของใครเป็นที่ถูกใจเจ้าชายมากที่สุด พระราชาก็จะปูนบำเหน็จให้แก่คนคนนั้นเป็นรางวัลอย่างงาม
เมื่อวันประกวดของเล่นมาถึง ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างก็นำของเล่นที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาให้เจ้าชายทรงตัดสิน แต่หลังจากที่เจ้าชายทรงทดลองเล่นของเล่นจนเกือบครบทุกชิ้นแล้ว สายตาของทุก ๆ คนในงานต่างก็จับจ้องไปที่เจ้าของของเล่นชิ้นสุดท้าย ซึ่งก็คือเด็กน้อยที่ยืนกอดกระดาษแผ่นใหญ่เอาไว้แนบอก
ผู้เข้าร่วมงานเกือบทุกคนพากันหัวเราะเยาะเมื่อทราบว่า กระดาษที่เด็กน้อยกอดอยู่นั้น ก็คือของเล่นที่เด็กน้อยตั้งใจจะส่งเข้าประกวด แต่ทันทีที่เด็กน้อยลงมือพับกระดาษของเขา กระดาษที่แสนธรรมดา ก็กลายสภาพเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
เด็กน้อยเริ่มแสดงฝีมือด้วยการพับกระดาษเป็นดอกไม้ จากนั้น เขาก็คลี่กระดาษออกแล้ว เปลี่ยนดอกไม้ให้กลายเป็นผีเสื้อ และเพียงชั่วพริบตาเดียวหลังจากนั้น เด็กน้อยก็เปลี่ยนผีเสื้อให้กลายเป็นนก แล้วเขาก็จัดการดัดแปลงนก จนเกิดเป็นมังกรมีปีกที่ดูสง่างามได้อย่างน่าพิศวง
เด็กน้อยพับกระดาษอย่างไม่ยอมหยุดพัก ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ต่างก็พากันอ้าปากค้างต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้า
และแล้ว...เวลาในการตัดสินก็มาถึง เจ้าชายทรงถูกใจของเล่นของเด็กน้อยมากที่สุด พระองค์ทรงชอบ ที่กระดาษแผ่นเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามจินตนาการได้ไม่รู้จบ ในที่สุด พระราชาก็มอบรางวัลมูลค่ามหาศาลให้แก่เด็กน้อย ตามที่พระองค์ได้สัญญาเอาไว้
เด็กน้อยนำรางวัลทั้งหมดมอบให้พ่อกับแม่ของเขา แต่โอกาสในการแสดงความสามารถของเด็กน้อยยังไม่สิ้นสุด ลงเพียงเท่านี้ เพราะเจ้าชายยังคงขอให้เด็กน้อยมาเป็นผู้สอนการพับกระดาษแบบใหม่ ๆ ให้แก่พระองค์อยู่เสมอ และเมื่อเจ้าชายได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระบิดา พระองค์ไม่ลืมที่จะแต่งตั้ง "เพื่อนนักพับ" ของพระองค์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง "ของเล่น" เพื่อให้นักพับกระดาษ ระดับโลกผู้นี้มีโอกาสได้ใช้พรสวรรค์น้อย ๆ ของเขา บันดาลความสุขและสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดขึ้นแก่เด็กทุกคน เฉกเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงได้สัมผัสมาด้วยตัวของพระองค์เอง
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าชายองค์น้อยซึ่งเป็นโอรสของพระราชา ทรงนึกอยากได้ของเล่นแปลก ๆ ใหม่ ๆ เป็นของขวัยวันเกิด พระราชา ผู้เป็นพ่อ จึงป่าวประกาศให้ประชาชนนำของเล่นสุดวิเศษมาประกวดประขันกัน ซึ่งหากของเล่นของใครเป็นที่ถูกใจเจ้าชายมากที่สุด พระราชาก็จะปูนบำเหน็จให้แก่คนคนนั้นเป็นรางวัลอย่างงาม
เมื่อวันประกวดของเล่นมาถึง ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างก็นำของเล่นที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาให้เจ้าชายทรงตัดสิน แต่หลังจากที่เจ้าชายทรงทดลองเล่นของเล่นจนเกือบครบทุกชิ้นแล้ว สายตาของทุก ๆ คนในงานต่างก็จับจ้องไปที่เจ้าของของเล่นชิ้นสุดท้าย ซึ่งก็คือเด็กน้อยที่ยืนกอดกระดาษแผ่นใหญ่เอาไว้แนบอก
ผู้เข้าร่วมงานเกือบทุกคนพากันหัวเราะเยาะเมื่อทราบว่า กระดาษที่เด็กน้อยกอดอยู่นั้น ก็คือของเล่นที่เด็กน้อยตั้งใจจะส่งเข้าประกวด แต่ทันทีที่เด็กน้อยลงมือพับกระดาษของเขา กระดาษที่แสนธรรมดา ก็กลายสภาพเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
เด็กน้อยเริ่มแสดงฝีมือด้วยการพับกระดาษเป็นดอกไม้ จากนั้น เขาก็คลี่กระดาษออกแล้ว เปลี่ยนดอกไม้ให้กลายเป็นผีเสื้อ และเพียงชั่วพริบตาเดียวหลังจากนั้น เด็กน้อยก็เปลี่ยนผีเสื้อให้กลายเป็นนก แล้วเขาก็จัดการดัดแปลงนก จนเกิดเป็นมังกรมีปีกที่ดูสง่างามได้อย่างน่าพิศวง
เด็กน้อยพับกระดาษอย่างไม่ยอมหยุดพัก ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ต่างก็พากันอ้าปากค้างต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้า
และแล้ว...เวลาในการตัดสินก็มาถึง เจ้าชายทรงถูกใจของเล่นของเด็กน้อยมากที่สุด พระองค์ทรงชอบ ที่กระดาษแผ่นเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามจินตนาการได้ไม่รู้จบ ในที่สุด พระราชาก็มอบรางวัลมูลค่ามหาศาลให้แก่เด็กน้อย ตามที่พระองค์ได้สัญญาเอาไว้
เด็กน้อยนำรางวัลทั้งหมดมอบให้พ่อกับแม่ของเขา แต่โอกาสในการแสดงความสามารถของเด็กน้อยยังไม่สิ้นสุด ลงเพียงเท่านี้ เพราะเจ้าชายยังคงขอให้เด็กน้อยมาเป็นผู้สอนการพับกระดาษแบบใหม่ ๆ ให้แก่พระองค์อยู่เสมอ และเมื่อเจ้าชายได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระบิดา พระองค์ไม่ลืมที่จะแต่งตั้ง "เพื่อนนักพับ" ของพระองค์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง "ของเล่น" เพื่อให้นักพับกระดาษ ระดับโลกผู้นี้มีโอกาสได้ใช้พรสวรรค์น้อย ๆ ของเขา บันดาลความสุขและสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดขึ้นแก่เด็กทุกคน เฉกเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงได้สัมผัสมาด้วยตัวของพระองค์เอง
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment