มีเด็กน้อยยากจนคนหนึ่งเที่ยวออกเร่ขายสิ่งของตามบ้านคนเพื่อแลกกับเงินค่าขนมไปโรงเรียน วันหนึ่ง
เด็กน้อยพบว่าเขาเหลือเงินอยู่แค่สลึงเดียวและเด็กน้อยก็รู้สึกหิวมาก ดังนั้น เด็กน้อยจึงคิดว่าเขาจะเข้าไปเคาะประตูบ้านหลังถัดไปเพื่อขออาหารมาทาน จริงๆ แล้ว เด็กน้อยไม่ชอบที่จะขออาหารนักหรอก
แต่เด็กน้อยรู้สึกหิวมากๆ
และคิดว่าเขาจะขออาหารครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เด็กน้อยเปลี่ยนความคิดในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวสวยน่ารักเปิดประตูออกมา เด็กน้อยขอน้ำแค่เพียงหนึ่งแก้วจากหญิงสาว แต่เนื่องจาก หญิงสาวผู้นั้นเห็นเด็กน้อยท่าทางหิวโหย จึงนำนมแก้วใหญ่มาให้เด็กน้อยดื่ม เด็กน้อยดื่มนมจนหมดแก้วและถามหญิงสาวว่า
“ผมต้องจ่ายให้คุณเท่าไรฮับ”
หญิงสาวตอบเด็กน้อยไปว่า “ไม่ต้องจ่ายจ๊ะ”
“แม่สอนฉันว่าอย่ารับเงินจากการที่เราให้ด้วยความเมตตากรุณา”
เด็กน้อยรู้สึกสำนึกในบุญคุณเป็นอย่างมาก
และพูดขึ้นว่า “งั้นผมขอขอบคุณจากใจจริงฮับ”
ขณะที่เด็กน้อยเดินจากบ้านหลังนั้นมานั้น เขารู้สึกว่าไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาที่แข็งแรงขึ้นเท่านั้น
แต่จิตใจของเขาก็เข้มแข็งขึ้นด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่เด็กน้อยจะเดินเข้าไปเคาะประตูของหญิงสาวผู้นั้น
เด็กน้อยรู้สึกสิ้นหวังและกำลังจะล้มเลิกการขายสิ่งของเพื่อแลกกับเงินและคิดว่าคงต้องออกจากโรงเรียน แต่ตอนนี้
เด็กน้อยมีกำลังใจที่เปี่ยมล้นและกำลังกายที่เต็มร้อย พร้อมจะกลับไปขายสิ่งของเพื่อแลกเงินเป็นค่าขนมไปโรงเรียนอีกครั้ง
หลายปีต่อมา หญิงสาวผู้นั้นได้ล้มป่วยลงด้วยโรคร้ายแรง
คุณหมอที่โรงพยาบาลประจำท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ หญิงสาวจึงถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง
ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจและรักษาโรคร้ายแรงชนิดนี้
นายแพทย์ผ่าตัดผู้โด่งดังของโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ถูกเชิญให้เข้ามาร่วมประชุมกับเหล่าแพทย์ทั้งหลายเพื่อหาทางรักษาหญิงสาวผู้นั้น เมื่อนายแพทย์ท่านนั้นได้ยินชื่อเมืองที่หญิงสาวผู้นั้นถูกส่งมา
เขาได้รีบตรงรี่ไปยังห้องพักผู้ป่วยที่หญิงสาวนอนรักษาตัวอยู่ทันที ตอนที่เขาเดินไปเจอหญิงสาวนั้น เขาใส่ชุดคุณหมอ
และเขาจำหญิงสาวผู้นั้นได้ในทันทีที่เห็นหน้า
เขาจึงได้ตัดสินใจทันทีที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชีวิตของหญิงสาวให้ได้
หลังจากได้ใช้ความพยายามต่อสู้กับโรคร้ายมาเป็นเวลานาน เขาก็ได้ช่วยหญิงสาวผู้นั้นให้ชนะกับโรคร้ายได้ในที่สุด หญิงสาวผู้นั้นได้รับการรักษาอย่างเต็มพิกัด
เมื่อหญิงสาวผู้นั้นแข็งแรงและพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลได้
คุณหมอก็ขอบิลค่ารักษาพยาบาลจากแผนกการเงินของโรงพยาบาลและส่งไปให้หญิงสาวที่ห้องพักผู้ป่วย
ในตอนแรกนั้น
หญิงสาวไม่กล้าที่จะเปิดดู เพราะเธอแน่ใจว่า
ถึงแม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือของเธอ
ก็ไม่อาจจะหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนี้ได้
แต่ในที่สุด หญิงสาวก็ตัดสินใจเปิดดู และแล้วก็มีข้อความหนึ่งที่อยู่ด้านล่างของบิลค่ารักษาพยาบาลสะดุดตาเธอ
ประโยคนั้น คือ.....
“จ่ายทั้งหมดนี้ .... ด้วย “นมหนึ่งแก้ว”
นี่แหล่ะ....ผลแห่งความเมตตากรุณา
นี่แหล่ะ....ผลแห่งความเมตตากรุณา