Tuesday, November 11, 2014

อาลาดินกับตะเกียงวิเศษ




     นานมาแล้ว มีเด็กชายคนหนึ่งชื่ออาลาดิน วันหนึ่งเขากำลังทำสวนพรวนดินอยู่ ก็ไปพบอะไรแข็งๆ ใต้ดิน ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นก้อนหิน เขาก็จะนำไปทิ้ง แต่เมื่อพิจารณาดูให้ดีอีกที มันเป็นตะเกียงโบราณ เขาดีอกดีใจใหญ่

     มันเปื้อนดินโคลน เขาก็นำผ้ามาเช็ดมาถูทำความสะอาด ถูไปถูกมาก็มีควันออกมาจากตะเกียง เป็นยักษ์ตัวเบ้อเร่อ เจ้ายักษ์ก็ลงไปกราบเท้าอาลาดินแล้วก็พูดออกมา

 
     "เจ้านาย วันนี้เจ้านายได้ช่วยข้าให้มีความอิสระ ข้าขอขอบคุณเจ้านาย เจ้านายต้องการอะไรบอกมาเลย ข้าจะทำให้ทุกอย่าง แต่มีข้อแม้อยู่อย่างเดียว ถ้าหากเจ้านายไม่ใช้ข้าเมื่อไหร่ ข้าก็จะกินเจ้านาย"

     อาลาดินก็คิดไปคิดมา โอ้! ถ้าเราได้เจ้ายักษ์มาเป็นคนใช้ เราคงจะร่ำรวยมหาศาลเลย เราไม่กลัวหรอก เราจะไม่ปล่อยให้มันว่างมากินเรา ก็เลยตอบตกลงกับเจ้ายักษ์ว่า "ตกลงเราจะรับเจ้ามาเป็นคนใช้เรา"

      เจ้ายักษ์ก็เตือนอีก "อย่าลืมนะเจ้านาย ถ้าหากเจ้านายไม่ใช้ข้าเมื่อไหร่ ข้าก็จะกินเจ้านาย"

      อาลาดินก็บอกว่า "สบายมาก สบายมาก"

      แล้วก็เริ่มสั่งการ "นี่เจ้ายักษ์ ฉันอยากจะได้บ้านหลังใหญ่ๆ เป็นที่พักของข้า"

      ทันทีทันใด เจ้ายักษ์ชี้นิ้วไปก็เกิดบ้านหล้งใหญ่ขึ้นมา
  
       อาลาดินตื่นตกใจ นึกว่ามันจะใช้เวลานาน 2-3 ปี ในการก่อสร้าง ที่ไหนได้แค่กระพริบตามันก็เกิดขึ้นมาได้แล้ว ก็เลยรีบสั่งต่อเพราะเดี๋ยวเจ้ายักษ์จะมากินเขา "เจ้าจงสร้างสะพานข้ามลำธารต่อจากตรงนี้ไป"

       เจ้ายักษ์ก็เนรมิตสะพานขึ้นมา

       "เจ้าจงทำสวนบริเวณนี้ให้สวยงาม" เจ้ายักษ์ก็เนรมิตออกมา

        ไม่ว่าจะขออะไร เจ้ายักษ์ก็เนรมิตออกมา...เนรมิตๆๆๆๆๆ ออกมา....เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเขานึกไม่ออกแล้วว่าเขาต้องการอะไร เพราะทุกอย่างเขาสั่งไปหมดแล้ว...เร็วๆๆๆ...

       ขอโต๊ะก็แล้วกัน...โต๊ะก็ออกมา
      
       ขอดอกไม้ก็แล้วกัน...ดอกไม้ก็ออกมา
       
       ขอคอมพิวเตอร์..คอมพิวเตอร์ก็ออกมา
      
       เขาก็สั่งไปอย่างนั้นเอ เขาไม่ต้องการอะไรแล้ว เพราะเขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว อาลาดินก็เริ่มหมดแรงแล้ว และก็เพลียมาก อยากจะนอน พอเดี๋ยวเขาหลับไป เจ้ายักษ์ก็จะมากินเขา

      อาลาดินคิดว่า "เขาต้องคิดอุบายให้เจ้ายักษ์มันมีงานทำตลอดเวลา อ้อ! รู้แล้ว รู้แล้ว เขาได้ความคิดขึ้นมา จึงสั่งเจ้ายักษ์ว่า "นี่เจ้าจงสร้างเสาสูงๆ ขึ้นมา" เจ้ายักษ์ก็เนรมิตเสาสูงๆ ขึ้นมา

      "เจ้าจงปีนขึ้นไปข้างบน พอถึงข้างบนก็ปีนลงมาข้างล่าง พอถึงข้างล่างก็ปีนขึ้นไปข้างบน ทำอย่างนี้ ปีนขึ้น-ปีนลง อยู่บนเสานี้แหละ ห้ามหยุดนะ"

       เจ้ายักษ์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านาย ต้องปีนขึ้นไปบนเสา พอถึงข้างบนแล้วก็ปีนลงมา ถึงข้างล่างก็ปีนขึ้นไป

         อาลาดินหัวเราะใหญ่บอกว่า "ห้ามหยุดน่ะ ปีนขึ้นปีนลงอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะไปนอนก่อน พรุ่งนี้เช้า ถ้าฉันต้องการอะไร จะเรียกเจ้าลงมาจากเสา มาทำอาหารให้กิน เมื่อเราไม่ต้องการใช้เจ้าแล้ว ก็จะให้เจ้า ปีนขึ้น-ปีนลง อยู่บนเสานี้แหละ

        ด้วยวิธีการอย่างนี้ อาลาดินจึงสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข....ตลอดไป

 
       นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้อะไร ออกจะยาวเสียหน่อย ลองติดตาม

      "ยักษ์เปรียบเสมือนความคิดของมนุษย์" เมื่อเราใช้มัน มันก็คิดโน่นคิดนี่ มันก็มีประโยชน์ แต่เมื่อเราไม่ใช้มันเมื่อไหร่ ก็เหมือนเราไม่ใช้ยักษ์ ยักษ์มันก็จะกลับมาทำร้ายเรา

      เช่นเดียวกับความคิด พอเราไม่ได้ควบคุมมัน มันกลับไปคิดโน่นนี่แทนเรา มันไปสร้างอารมณ์
ไปสร้างกิเลส สร้างปัญหาให้มนุษย์เราเยอะแยะไปหมดเลย เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้มันว่าง
เราต้องหาอุบายให้มันมีงานทำตลอดเวลา

      เราทำอย่างไรครับ..เราจับเจ้ายักษ์ปีนขึ้น-ปีนลง อยู่บนเสาเพื่อที่มันจะได้ไม่มาทำร้ายเรา

      ยักษ์ปีนขึ้น-ปีนลง เปรียบเสมือน เราควบคุมลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

      ลมหายใจของเราคือเสา เจ้ายักษ์คือความคิด
      เราให้เจ้ายักษ์เกาะติดกับเสา เราก็ให้ความคิดเกาะติดอยู่กับลมหายใจ = ตั้งสติอยู่ที่ลมหายใจ

      หายใจเข้า-หายใจออก ให้สติอยู่กับลมหายใจ



บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย beeman 联乐
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Saturday, November 8, 2014

ลูกแกะอยากมีเขา



 
นานมาแล้วในป่าของเทพเจ้า ยังมีลูกแกะตัวหนึ่งเป็นเพื่อนกับม้ายูนิคอนผู้งามสง่าประจำป่าแห่งนี้

ทุกครั้งที่ลูกแกะมองเห็นเงาของตัวมันเองในน้ำ มันก็นึกอิจฉาที่ม้ายูนิคอนมีเขาอันสวยงาม ซึ่งมันเองอยากจะมีบ้างเหมือนกัน แต่เทพเจ้าไม่ประทานเขาให้แก่มัน

วันหนึ่ง ลูกแกะอดรนทนไม่ได้จึงไปพูดกับม้ายูนิคอนว่า ตนอยากที่จะได้เขาของม้ายูนิคอนมาเป็นของตัวเองบ้าง ม้ายูนิคอนยิ้ม แล้วบอกลูกแกะให้ไปขอกับเทพเจ้า

  
และเมื่อลูกแกะไปขอเขาจากเทพเจ้า ด้วยความหมั่นไส้ เทพเจ้าอยากจะสอนให้ลูกแกะรู้จักความพอดี จึงขอยืมเขาของม้ายูนิคอนมาให้แก่ลูกแกะตามที่ปรารถนา

หลายวันต่อมา ลูกแกะเริ่มสำนึกว่าตนเองคิดผิดเสียแล้วที่คิดมีเขา เพราะมันทั้งหนักและเกะกะ จะทำอะไรที่เหมือนเดิมก็ไม่ถนัด ดังนั้น มันจึงไปบอกเอาเขาคืนกับม้ายูนิคอน

เมื่อเทพเจ้าเห็นลูกแกะสำนึกผิด ก็เอาเขาไปคืนแก่ม้ายูนิคอน จากนั้นมา ลูกแกะไม่เคยนึกอยากที่จะมีโน้นมีนี่อีกเลย มันพอใจที่จะเป็นเพื่อนกับม้ายูนิคอนเหมือนเดิม

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่

Friday, November 7, 2014

หมีใจดี



นานมาแล้วในป่าใหญ่ ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง ทอมสัน หมีใหญ่ผู้ขยันขันแข็ง รีบเร่งสะสมอาหารไว้กินตลอดฤดูหนาว เพราะในฤดูหนาวจะหาอาหารได้ยากมาก

คืนวันหนึ่ง เมื่อฤดูหนาวมาถึง จิม ตกใจขึ้นมากลางดึก

เฮ้....ทอมสัน ตื่นขึ้นเร็ว ดูเหมือนว่าจะมีใครมาเคาะประตูนะ

ทอมสัน เดินไปเปิดประตู ก็พบกับชายคนหนึ่งยืนตัวสั่นเพราะความหนาว ได้โปรดกรุณาให้ผมได้เข้าไปหลบหนาวในบ้านของคุณด้วยเถิดชายแปลกหน้าขอร้อง

ก็ได้ แต่แค่คืนเดียวนะทอมสันตอบอย่างเสียไม่ได้
เข้ามาพวกเรา เขาให้พวกเราเข้าไปหลบหนาวในบ้านแล้วชายคนนั้นหันไปเรียกพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
เฮ้....ฉันให้เข้ามาพักหลบหนาวเพียงแค่คนเดียวนะ ไม่ใช่ทั้งหมดนี้ทอมสันตกใจเมื่อเห็นเด็กและผู้ใหญ่หลายคนมายืนหน้าประตู
ได้โปรดเถิด หากไม่ให้พวกเราเข้าไป พวกเราก็ต้องหนาวตายกันหมดพวกคนแปลกหน้าพากันอ้อนวอนเสียงระงม

ทอมสันตัดความรำคาญ จึงอนุญาตให้เข้าไปในบ้าน

ในขณะที่ทอมสันกำลังจะเคลิ้มหลับนั้น ก็มีเสียงของพวกเด็กๆ ร้องงอแงขึ้นเพราะความหิว

หนวกหูพวกนี้จริงๆ เราให้ที่พักแล้ว แล้วยังมางอแงจะกินโน้นกินนี่อีก ทอมสันบ่นพึมพำก่อนที่จะงีบหลับไป และเมื่อทอมสันหลับไป เขาได้ฝันเห็นนางฟ้ามาอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นหมีที่มีความเมตตากรุณาแก่ผู้อื่น แล้วจะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า

ทอมสันตกใจตื่นขึ้น เขาคิดในใจว่าถ้าหากเขาทำดีอย่างที่นางฟ้าบอก เขาจะได้ผลตอบแทน ดังนั้นเขาจึงเปิดประตูห้องเสบียงอาหารแล้วเรียกให้ทุกคนไปกิน


วันต่อมา เมื่อพวกคนเหล่านั้นได้จากไป เมื่อทอมสันเข้าไปในครัว เขาเหลือผลไม้เพียงลูกเดียวที่เป็นอาหาร

ครั้งแรก ทอมสันนึกโกรธที่ตนให้อาหารแก่พวกคนอื่นไปหมด แต่มานึกขึ้นได้ว่าหมีนั้นจำศีลตลอดฤดูหนาวไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ก็หายโกรธ

ต่อมา เมื่อฤดูร้อนมาถึง ทอมสันก็ได้รับจดหมายของพวกที่มาขอที่พักและอาหาร ในจดหมายเขียนมาขอบใจและสัญญาว่าจะนำอาหารมาคืนให้เป็นการตอบแทนแก่ผู้ที่มีความเมตตาอย่างทอมสัน




Wednesday, November 5, 2014

สุขสันต์วันเกิดนะ ฮิปโปเฮอร์บี้

 
วันนี้เป็นวันเกิดของฮิปโปเฮอร์บี้ พวกเราทำขนมเค้กให้เฮอร์บี้กันเถอะหมีโบโบ้เสนอ

เอาสิ!  ทำเค้กก้อนใหญ่ๆ เลยนะ  วัวเบนนี่ตอบ
ใช่ เค้กก้อนใหญ่แสนอร่อย  แพะกูฟฟี่เสริม
ว่าแต่....เราจะทำเค้กได้อย่างไรล่ะ ฉันทำเค้กไม่เป็นนะ  หมีโบโบ้ส่ายหน้า


ฉันก็ทำเค้กไม่เป็นเหมือนกัน  วัวเบนนี่ตอบ
แต่ไม่เป็นไรหรอก นี่ไง เรามีตำราทำอาหาร เราเปิดตำราทำเค้กกันก็ได้
ก่อนอื่นต้องมีเนยกับน้ำตาลหมีโบโบ้บอก
เราไม่มีเนยกับน้ำตาลเลยวัวเบนนี่ตอบ อ้อ! แต่เรามีเนยแข็งกับเกลือนะ
แล้วก็ต้องมีแป้งกับไข่หมีโบโบ้บอกอีก
เราไม่มีแป้งกับไข่เลยแพะกูฟฟี่ตอบ
เอ๊ะ! แต่เรามีนมกับมะเขือเทศนี่

  
แล้วทั้งหมดก็ช่วยกันทำเค้ก เริ่มจากผสมเนยแข็งกับเกลือ
เติมนมและมะเขือเทศลงไปด้วย
จากนั้น ก็นำส่วนผสมที่ได้เข้าเตาอบ

ในที่สุด ก็ได้เค้ก แต่เป็นเค้กที่มีกลิ่นพิลึกและหน้าตาประหลาดสักหน่อย


พวกเรารีบเอาเค้กไปให้ฮิปโปเฮอร์บี้กันเถอะ เขาตอบชอบแน่ๆ เลย  หมีโบโบ้เสนอ

พวกเขาช่วยกันจัดเค้กลงในตะกร้า และพากันเดินไปบ้านของฮิปโปเฮอร์บี้

สุขสันต์วันเกิดจ้า ฮิปโปเฮอร์บี้ นี่จ๊ะ เค้กแสนอร่อยของเธอ

โอ๊ย!”  หมีโบโบ้สะดุดก้อนหิน ทำเค้กกระเด็นออกจากตะกร้าตกลงไปในบ่อน้ำ
โธ่! เค้กแสนอร่อยของเรา” “เฮ้อ! เค้กสุดสวย แสนอร่อยแล้วก็ก้อนใหญ่ด้วยของเรา
ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เพื่อนๆฮิปโปเฮอร์บี้ปลอบ
คุณแม่ก็ทำเค้กให้ฉันเหมือนกัน นี่ไงจ๊ะ มาเร็ว มากินกันเถอะ
โอ้โห! อร่อยจังเลยแพะกูฟฟี่บอก อร่อยสุดๆ เลยวัวเบนนี่เห็นด้วย
ใช่ อร่อยจริงๆวัวโบโบ้บอก ฉันว่าอร่อยเกือบเท่าเค้กที่เราทำมาให้ฮิปโปเฮอร์บี้เลยล่ะ

เธอว่าจริงหรือเปล่าจ๊ะ เด็กๆ

แหล่งที่มา  Pelangi Publishing Thailand Co., Ltd. http://baby.kapook.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต